
วัสดุใหม่ รักษาตัวเองได้ คืออะไร ช่วยอะไรในการแพทย์บ้าง
- MY Kismet
- 10 views

วัสดุใหม่ รักษาตัวเองได้ คืออะไร ช่วยอะไรในการแพทย์บ้าง ในวงการแพทย์ตอนนี้ กระบวนการรักษา และขั้นตอนการรักษา ยังถือได้ว่า พัฒนาไปไม่มากนัก เพราะการพัฒนา มีความซับซ้อน ในเรื่องของ ความปลอดภัย ต่อผู้ใช้สูง อีกทั้งการพัฒนาเหล่านี้ ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีขั้นสูง
- การศึกษาแรกและลักษณะพิเศษที่เลียนแบบพืช
- นวัตกรรมการซ่อมแซ่มตัวเองในวงการต่างๆ
- ปัจจัยหลักในการพัฒนาและการเติบโตของการแพทย์ในอนาคต
ต้นแบบแรก ของการพัฒนา วัสดุที่รักษาตัวเอง
แผนการรักษาสุขภาพ เมื่อมีอาการเจ็บป่วย จากอุบัติเหตุ การผ่าตัด หรือแผลที่เกิดจาก โรคเรื้อรังต่างๆ นั้น ต้องมีขั้นตอนการรักษา ที่เป็นไปแบบต่อเนื่อง อีกทั้งบางกรณี ต้องมีการปลูกถ่าย อวัยวะใหม่ สิ่งที่จะทำให้ การรักษาเหล่านี้ บรรลุผลต่อเนื่อง ขึ้นอยู่กับการรักษาบาดแผล และแนวคิดนี้ เริ่มต้นขึ้นเมื่อ
ยุคโรมันโบราณ ได้มีการใช้ปูนขาว ที่มีลักษณะพิเศษ สามารถฟื้นฟู และซ่อมแซมตัวเองได้ จนมาถึงปี 2014 กลุ่มนักธรณีวิทยา ได้มีการศึกษา และสร้างปูนขาวที่มี ลักษณะใกล้เคียงขึ้น โดยวัตถุประสงค์ ในการใช้ช่วงแรก คือการซ่อมแซม และป้องกันการแตกร้าว ของสิ่งก่อสร้าง (21 พฤศจิกายน 2025) [1]
ซึ่งการทำงานเหล่านี้ ได้เริ่มมีการศึกษาจริงจัง เริ่มมาตั้งแต่ช่วง ศตวรรษที่ 19 และเมื่อเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 ได้มีการนำเสนอแนวคิดนี้ ในระดับนานาชาติ และเมื่อปี 2550 ได้เริ่มมีการพัฒนา โดยมีปรับเปลี่ยน โครงสร้างทางชีวภาพ เพื่อการจำลอง การซ่อมแซมตัวเอง จากพื้นผิวอื่น
มนุษย์อิงพฤติกรรมใด จากการฟื้นฟูของพืช
1. พืชเมื่อมีบาดแผล สามารถทำปฏิกิริยา เพื่อเร่งความเร็ว ในการปิดแผลตัวเองได้
2. พืชใช้การปิดแผล หรือปิดช่องโหว่อื่นๆ เพื่อการรักษาน้ำ และยังป้องกัน การติดเชื้อโรคอื่นๆ ที่อาจจะเข้ามาได้
3. พืชสามารถ ปรับการทำงาน และมีคุณสมบัติเชิงกล ที่สามารถฟื้นฟู การทำงานของระบบนั้น ให้กลับมาดีเช่นเดิมได้
4. สารในพืชอย่าง “ อีพอกซี” เมื่อผสมรวมกับ “Grubbs” ที่เป็นตัวเร่ง ปฏิกิริยาสามารถ ทำให้การฟื้นตัว แบบการสร้างสารเหนียว เกิดขึ้นได้บนรอยร้าว
5. พืชอย่างเถาวัลย์ เป็นต้นแบบของการสร้าง สารเคลือบโฟม PU เพราะมีน้ำหนักน้อย มีความหนาแน่นสูง ทำให้การซ่อมแซม สามารถเกิดขึ้นได้แบบต่อเนื่อง 99.99%
สิ่งที่ฟื้นฟูตัวเองได้ นอกเหนือจากวงการแพทย์
การศึกษาเกี่ยวกับ การฟื้นฟูตัวเอง ไม่ได้มีระดับการพัฒนา อยู่ในอุตสาหกรรมใด อุตสาหกรรมหนึ่ง แต่การพัฒนาเหล่านี้ ยังสามารถต่อยอด องค์ความรู้ไปใช้ ในอุตสาหกรรมอื่นๆ ได้อีกมากมาย และนักพัฒนาหลายพื้นที่ ได้ประดิษฐ์สิ่งใหม่ เกี่ยวกับการฟื้นฟูตัวเอง ได้ดังนี้
- โลหะที่ผสมกำมะถัน: เป็นการผสมกัน ระหว่างโลหะและซีลีเนียม การผสมกันนี้ ทำให้สารใหม่ ที่มีความยืดหยุ่น และมีความทนทาน ในเรื่องการกัดกร่อน อีกทั้งยังสามารถ ซ่อมแซมตัวเองได้อีก
- การสร้างคอนกรีต: ในช่วงปี 2006 ได้มีการคิดค้น คอนกรีตที่สามารถ ซ่อมแซมตัวเองได้ อีกทั้งสามารถ ต่อติดรอยร้าวเดิมได้ โดยเป็นการอิง คุณสมบัติของสาร คาร์บอนิกแอนไฮเดรส ในการพัฒนา
- เซรามิกฟื้นฟูตัวเอง: เป็นเซรามิก ที่ถูกสร้างขึ้นจาก “โครเมียม อะลูมิเนียมคาร์ไบด์” โดยจะใช้ในลักษณะ เป็นการวางทับซ้อนกัน เพื่อทำให้เซรามิก ซ่อมแซมตัวเองได้เมื่อ เกิดการแตกร้าวขึ้น
- สารเคลือบรถยนต์: เป็นการพัฒนา จากกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ จากประเทศเกาหลี โดยใช้แสงอินฟราเรด เป็นชนวนการฟื้นฟูตัวเอง ของสารเคลือบรถ และยังสามารถฟื้นฟูตัวเอง ได้ในเวลาเพียง 30 นาที
ที่มา: 7 Self-Healing Materials (22 พฤศจิกายน 2022) [2]
วัสดุที่รักษาตัวเองได้ ช่วยสิ่งใดในวงการแพทย์
ในทางการแพทย์ วัสดุที่สามารถ ฟื้นฟูหรือซ่อมแซมตัวเองได้นั้น จัดเป็นการซ่อมแซม ที่อยู่ในระดับมหภาค หรือระดับโมเลกุล สิ่งเหล่านี้สามารถฟื้นฟูได้ ถึงแม้สิ่งนั้น จะอยู่ในความเสียหาย ทางการแพทย์นิยม พัฒนาใช้กับ ผ้าพันแผล และการนำส่งยา โดยใช้ไฮโดรเจนเป็นหลัก และมีข้อดีดังนี้
- การรักษาแผล: การพัฒนาไฮโดรเจน สามารถเลียนแบบ โครงสร้างเนื้อเยื่อได้ อีกทั้งวัสดุเหล่านี้ ยังมีความอ่อนนุ่ม และมีความยืดหยุ่นสูง และยังเพิ่มคุณสมบัติ การป้องกันเชื้อโรคได้อีกด้วย
- การสร้างเนื้อเยื่อ: ไฮโดรเจนนอกจาก จะเลียนแบบเนื้อเยื่อแล้ว ยังสามารถปรับสภาพ กลายเป็นโครงสร้างหลักได้ และยังเร่งการฟื้นฟู เนื้อเยื่อของร่างกาย ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถึงแม้ว่าจะบาดเจ็บอยู่
- ระบบการนำส่งยา: ไฮโดรเจนที่ได้รับการพัฒนา สามารถปรับโครงสร้าง ให้กลายเป็นภาพเดิมได้ ยกตัวอย่างเช่น ไฮโดรเจนแบบของเหลว เมื่อเข้าสู่ร่างกาย สามารถกลับคืนสภาพเดิม และยังเข้าถึง การฟื้นฟูแบบตรงจุดได้
ที่มา: Biomedical breakthroughs (7 มิถุนายน 2024) [3]
ศักยภาพหลัก ที่วัสดุเหล่านี้ ยกระดับวงการแพทย์
สำหรับการพัฒนา ต่อยอดความสามารถ ในเรื่องของการฟื้นฟู และซ่อมแซมตัวเองนั้น หากมองภาพรวม ตลอดระยะเวลา 20 ปี ของการพัฒนานั้น จะมองเห็นได้ว่า กลุ่มนักวิจัยและนักพัฒนา มุ่งมั่นที่จะสร้าง พันธะไฮโดรเจน เพื่อเป็นประโยชน์ แบบเริ่มต้นของการพัฒนา ไม่ได้เริ่มพัฒนา
เพื่อเข้าสู่การทำงาน เชิงพาณิชย์แต่อย่างใด ไม่เหมือนกันกลับ โครงสร้าง อะตอมเดี่ยว รูปแบบใหม่ ที่ถูกพัฒนาขึ้น เพื่อเพิ่มศักยภาพ ในภาคอุตสาหกรรม แต่การพัฒนานี้ เป็นเหมือนการวางโมเดล เพื่อยกระดับทางการแพทย์ ในเรื่องของการรักษา และการเพิ่มประสิทธิภาพ การรักษาแบบ แพทย์สมัยใหม่
แนวโน้มการเติบโต ของวงการแพทย์ ในสาขาต่างๆ
- สุขภาพแบบดิจิทัล: เชื่อว่าภายในปี 2574 มูลค่าการเติบโต ของกลุ่มสุขภาพดิจิทัล จะมีมูลค่าสูงถึง 836.10 พันล้านดอลลาร์ และกลุ่มสุขภาพดิจิทัล อาจจะกลายเป็น กลุ่มที่แข็งแรงที่สุด ในอนาคต
- การทำงานของ POC: มูลค่าการตลาดของ POC ในตอนนี้มีมูลค่าอยู่ที่ 44,240 ล้านดอลลาร์ และเชื่อว่าภายในปี 2030 จะเติบโตต่างจากปี 2024 คิดเป็นค่าเฉลี่ยจะอยู่ที่ 6.1% ต่อปี
- การสร้างอุปกรณ์: ในส่วนของการแพทย์ตอนนี้ หากไม่การพัฒนา ต่อยอดอุปกรณ์ การช่วยเหลือ หรือการเก็บข้อมูล การรักษา เช่น การเต้นของหัวใจ เครื่องช่วยพยุง สิ่งเหล่านี้จะได้ รับความนิยมอย่างแน่นอน
หากสนใจอ่านรายละเอียดทั้งหมดหาข้อมูลเพิ่มเติมที่ meetlifesciences
เนื้อหารวมของ วัสดุใหม่ รักษาตัวเองได้ คืออะไร

บทสรุปส่งท้าย วัสดุใหม่รักษาตัวเองได้ คืออะไร เป็นวัสดุที่ได้รับการพัฒนา ในวงการอุตสาหกรรมต่างๆ แต่แท้จริงแล้ว กลุ่มนักพัฒนา ต้องการสร้างชุดข้อมูลเหล่านี้ เพื่อเป็นโมเดลต่อยอด การรักษาทางการแพทย์ และตอนนี้วัสดุ ที่ซ่อมแซมตัวเองได้ เริ่มมีการใช้ ในวงการแพทย์สมัยใหม่แล้ว
ข้อดีของวัสดุที่ซ่อมแซมตัวเองได้ คืออะไร
เป็นข้อดีที่เนื้อเยื่อของเรา สามารถเร่งการฟื้นฟู อีกทั้งวัสดุเหล่านี้ ยังมีคุณสมบัติพิเศษ ในการปรับโครงสร้าง การฟื้นฟูตัวเองได้ สิ่งเหล่านี้เป็นการ ลดระยะเวลาของการรักษา และการพักฟื้น ส่งผลให้ผู้ป่วย สามารถใช้เวลา ในการฟื้นฟูตัวเองน้อยลง
การนำส่งยา แบบซ่อมแซมตัวเอง ดียังไง
ระบบการนำส่งยา เป็นเหมือนการนำตัวยา ไปยังจุดที่ต้องการ ซ่อมแซมโดยเฉพาะ และการลำเลียงตัวยานี้ มีความแม่นยำสูง ยกตัวอย่างเช่น เมื่อผู้ป่วยเป็นมะเร็งปอด และต้องการฟื้นฟู อวัยวะในส่วนนั้น ระบบนำส่งยานี้ สามารถส่งยา มีซ่อมแซมตัวได้เอง เข้าไปยังจุดนั้นได้เลย โดยไม่ต้องไหลผ่าน อวัยวะอื่น
- Tags: วิทยาศาสตร์
แหล่งอ้างอิง


