สมจิตร จงจอหอ เป็นนักกีฬามวยสากลสมัครเล่น [1] ที่ได้ไปชิงแชมป์โอลิมปิกมาแล้ว ซึ่งก็สามารถคว้าเหรียญทองโอลิมปิกกลับมาได้ใน สมัยที่ 2 แถมยังได้เหรียญทองซีเกมส์สมัยที่ 3 โดยก่อนจะยิ่งใหญ่ได้ขนาดนี้ ทางเราจะพาไปย้อนดูชีวิตในวัยเด็กของเขา
โดย สมจิตร หรือที่เรียกกันอีกชื่อว่า น้อย เกิดเมื่อปี คริสต์ศักราช 1975 ในวันที่ 19 เดือน มกราคม โดยในตำบล จอหอ อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา มีพ่อและแม่คือ นายเช้า และ นางฝ้าย จากที่ย้ายถิ่นฐานไปโตที่ บุรีรัมย์ เมื่อโตก็กลับมาอยู่ที่จังหวัดเดิมที่เคยเกิดฃ
โดยอีกไม่นาน เมื่อเขาโตเป็นวัยรุ่นมากขึ้น ก็ได้เข้าไปเรียนที่การพลศึกษาเขตสุโขทัย และ ก็สามารถเรียนจบได้ในที่สุด แถมในสมัยที่เขาเป็นวัยรุ่นยังมีการแข่งขันในรายการต่างๆ แต่ก็สามารถคว้าแชมป์มาได้ตลอด หลังจากนั้นตัวเขาได้มีผู้ใหญ่มากมาย คาดหมายให้เขาเข้าไปแข่งขันโอลิมปิกในปี 2004
หลังจากที่ได้เข้าไปแข่ง โอลิมปิกปี 2004 จึงทำให้เขาเห็นข้อผิดพลาดของตัวเองมากมาย จนทำให้ไม่สามารถคว้าแชมป์โอลิมปิกในปีนั้นได้ ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ทำให้เขาท้อแท้ใจอย่างมาก แต่เวลาผ่านไป 4 ปีโอลิมปิกก็จัดขึ้นอีกครั้งในปี 2008 โดยครั้งที่ได้จัดที่ ปักกิ่ง ซึ่งเขาได้เจอกับทั้ง 5 ประเทศ ตามดังนี้
โดยหลังจากคว้าแชมป์โอลิมปิก ที่ปักกิ่งมาครองแล้วนั้น เขาก็ได้พันตัวเข้าสู่วงการบันเทิง อย่างเช่นพิธีกร หรือ นักแสดง โดยจะมีทั้ง ภาพยนตร์ ซีรีส์ และ ก็ละครโทรทัศน์มากมาย โดยอย่างเช่น ละครโทรทัศน์ที่เขาร่วมแสดงด้วยก็จะมี ละครเทิดพระเกียรติ เรื่อง ปิดทองหลังพระ หรือจะเป็น นักสู้พันธุ์ข้าวเหนียว
โดยชีวิตจริงของ สมจิตร ไม่ว่าจะเป็นบนสังเวียน หรือ ในจอทีวี ก็จะแตกต่างกันอย่างมาก [2] เพราะด้วยชีวิตจริงของเขายิ่งกว่าละครอีก แต่ด้วยตัวเขานั้นเป็นคนที่สู้กับทุกอุปสรรคอยู่แล้ว โดยในสมัยที่เขาอยู่กับภรรยาที่มีอาการป่วย SLE แถมลูกชายคนโตก็ป่วยเป็นสมาธิสั้น
ซึ่งเขาก็ไม่คิดที่จะหนีอุปสรรคนี้ แถมเขาสู้กับมันเสมือนสู้บนสังเวียนด้วยซ้ำ โดยทางภรรยาเขา สมจิตร ก็ได้ดูแลอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการกินก็ปรับเปลี่ยนใหม่หมด รวมถึงการพักผ่อนการหลับการนอน โดยเขาจะคอยดูแลและให้กำลังใจภรรยาอยู่เสมอ และ อาการก็ดีขึ้นต่อมาในที่สุด
โดย กำปั้น ลูกของ สมจิตร นั้นเขาก็พยายามดูแล และใส่ใจดูแลเขาอย่างดี ซึ่งเขาก็พยายามที่จะคิดในแง่บวกอยู่เสมอโดยจากที่เขาพูดไว้ว่า “ก็เป็นสิ่งที่ดีแล้วก็ได้ เพราะด้วยเขากำปั้นเป็นเด็กแบบนี้ เขาก็จะได้ไม่ต้องไปทำแบบเด็กวัยเดียวกันอย่างเช่น ไปเที่ยวข้างนอก หรือ ดื่มเหล้า อะไรพวกนั้น”
โดย สมจิตร นั้นเขาได้อยู่บนเส้นทางมวย พร้อมกับรู้สึกชอบอยู่ตลอดถึงจะพลาดถึงจะพ่าย แต่เขาก็กลับมาพิสูจน์ให้คนอื่นได้เห็นว่า เขาก็สามารถเป็นแชมป์โอลิมปิกได้ หลังจากเลิกชก ก็ได้เข้าสู่วงการบันเทิงสร้างสีสันให้กับประชาชนอีกมากมาย แต่นักชกที่ยิ่งใหญ่ก็ไม่ได้มีทางเดินที่เรียบง่ายเสมอไป