เชอร์รี ดีอย่างไร แนะนำผลไม้เล็กที่เต็มไปด้วยคุณค่า

เชอร์รี ดีอย่างไร

เชอร์รี ดีอย่างไร ? ถ้าพูดถึงผลไม้ที่ทั้งสวยทั้งอร่อย หลายคนคงนึกถึง “เชอร์รี” ผลกลมเล็กสีแดงสดที่มักทำให้เรานึกถึงความสดชื่นและความสุข แต่รู้ไหมว่าเชอร์รีไม่ได้มีดีแค่รสชาติหวานอมเปรี้ยวที่ชวนหลงรักเท่านั้น เพราะเชอร์รีมีประวัติยาวนานนับพันปี บทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักเชอร์รีให้มากยิ่งขึ้น

  • ทำความรู้จัก และลักษณะทางกายภาพของเชอร์รี
  • ประวัติความเป็นมาของเชอร์รี
  • ประโยชน์ต่อสุขภาพของเชอร์รี
  • เชอร์รีกับการควบคุมน้ำหนัก การนอน และคลายเครียด

ทำความรู้จัก เชอร์รี

  • ชื่อ: เชอร์รี
  • ชื่อสามัญ (Common name): Cherry
  • ชื่อวิทยาศาสตร์ (Scientific name):
    เชอร์รีหวาน (Sweet Cherry) Prunus avium, เชอร์รีเปรี้ยว (Sour/Tart Cherry) Prunus cerasus
  • วงศ์ (amily): Rosaceae (วงศ์กุหลาบ)
  • ถิ่นกำเนิด: แถบยุโรป เอเชียตะวันตก และภูมิภาคคอเคซัส โดยเฉพาะบริเวณอนาโตเลีย (ตุรกีปัจจุบัน) และรอบทะเลดำ–ทะเลแคสเปียน ก่อนแพร่กระจายเข้าสู่ยุโรปและอเมริกาในภายหลัง

ลักษณะทางกายภาพ ต้นเชอร์รี

  • ผล (Fruit): เชอร์รี
    มีผลขนาดเล็ก กลมเกือบสมบูรณ์ เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1–2 เซนติเมตร ผิวเรียบมันเป็นมันเงา สีผลมีตั้งแต่แดงสด แดงเข้ม ไปจนถึงม่วงเกือบดำ 
  • ใบ (Leaf): ใบเชอร์รี
    เป็นใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปรีหรือรูปไข่ ปลายแหลม ขอบใบหยักเล็กน้อย ผิวใบเรียบเป็นมัน ด้านบนสีเขียวเข้ม ด้านล่างสีอ่อนกว่า ใบมีขนาดเฉลี่ยยาว 5–12 เซนติเมตร
  • ดอก (Flower): ดอกเชอร์รี
    มีสีขาวหรือชมพูอ่อน ขนาดเล็ก ออกเป็นช่อหรือออกเป็นดอกเดี่ยวในช่วงฤดูใบไม้ผลิ กลีบดอกเรียงเป็นวง 5 กลีบ มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ และเป็นจุดเริ่มต้นของการติดผล
  • ลำต้น และกิ่งก้าน (Stem & Branch): เชอร์รีเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็กถึงกลาง สูงประมาณ 4–10 เมตร ลำต้นสีน้ำตาลอมแดง เปลือกเรียบเมื่อยังอ่อน และเริ่มแตกเป็นร่องตื้นเมื่อแก่

ประวัติความเป็นมาของเชอร์รี ผลไม้เล็กที่เดินทางไกล

Cherry ไม่ใช่เพียงผลไม้หน้าตาน่ารัก แต่เป็นผลไม้ที่มีเรื่องราวยาวนานนับพันปี เชอร์รีหวาน (Prunus avium) มีต้นกำเนิดจากแถบเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ นักพฤกษศาสตร์กรีกชื่อธีโอฟราสตุส (Theophrastus) ได้บันทึกการปลูกเชอร์รีไว้ในหนังสือ History of Plants ราว 300 ปีก่อนคริสตกาล แสดงให้เห็นว่าเชอรี่เป็นผลไม้ที่ชาวกรีกคุ้นเคยกันมานาน 

ต่อมาในสมัยโรมัน ผู้บัญชาการทหารชื่อ Lucullus ได้นำต้นเชอร์รีจากแคว้น Pontus กลับมาปลูกในอิตาลีช่วงปี 74–72 ก่อนคริสตกาล ทำให้เชอร์รีแพร่หลายไปทั่วยุโรปในเวลาต่อมา เมื่อเข้าสู่ยุคอาณานิคม เชอร์รีถูกนำข้ามทะเลไปยังโลกใหม่ 

โดยมีการปลูกเชอร์รีครั้งแรกในอเมริกาช่วงต้นศตวรรษที่ 17 ราวปี 1629 ที่ Jamestown และแพร่กระจายไปยังรัฐต่าง ๆ โดยเฉพาะทางตะวันตกเฉียงเหนือของสหรัฐในศตวรรษต่อมา เชอร์รีจึงกลายเป็นผลไม้ที่สำคัญทั้งทางเศรษฐกิจ และวัฒนธรรม (2025) [1]

เชอร์รี ดีอย่างไร ? ประโยชน์ต่อสุขภาพแบบครบวงจร

เชอร์รี ดีอย่างไร

เชอร์รีผลเล็ก ๆ แต่เต็มไปด้วยสารอาหารที่ดีต่อร่างกาย วิตามิน C และสารต้านอนุมูลอิสระในเชอร์รี ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหาย ทำให้ผิวพรรณดูสดใส และชะลอความเสื่อมของร่างกาย อีกทั้งเชอร์รียังมีคุณสมบัติลดการอักเสบตามธรรมชาติ จึงเหมาะสำหรับคนที่มีอาการ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ หรือข้ออักเสบ

นอกจากนี้ เชอร์รียังช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรง ลดโอกาสการติดเชื้อ คล้ายกับการทานผลไม้รสเปรี้ยวอย่าง ประโยชน์ของ เลมอน ที่มีวิตามิน C สูงเช่นกัน และที่พิเศษคือเชอร์รีมีสารเมลาโทนิน ซึ่งช่วยปรับวงจรการนอน ทำให้หลับง่าย และหลับสนิทขึ้น ถือเป็นผลไม้ที่ทั้งอร่อย และช่วยดูแลสุขภาพได้ ในเวลาเดียวกัน

เชอร์รีกับการควบคุมน้ำหนัก

ผลไม้ทั่วไปหลายชนิดอาจหวานจัด ซูโครสเยอะ แต่เชอร์รีน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีถ้าคุณอยากลด น้ำหนัก—เพราะให้ความหวานแบบธรรมชาติพร้อมคุณค่าทางโภชนาการโดยรวมที่ช่วย “ฝังตัว” ได้ดีกว่าขนมหวาน กลุ่มขนมและขนมขบเคี้ยว ที่ผ่านการแปรรูป

สารอาหารสำคัญ

  • ไฟเบอร์: เชอร์รีหวานสด 100 กรัม ให้ใยอาหารประมาณ 1 กรัม ซึ่งคิดเป็น ~8% ของปริมาณไฟเบอร์ที่แนะนำต่อวัน (RDA = 25 กรัม)
  • คาร์โบไฮเดรตรวม: ในเชอร์รีหวานสด 100 กรัม มีประมาณ 16 กรัม ของคาร์โบไฮเดรตทั้งหมด โดยมีน้ำตาลธรรมชาติอยู่ด้วย แต่เนื่องจากมีไฟเบอร์ช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาล จึงไม่ทำให้น้ำตาลในเลือดขึ้นเร็วเหมือนขนมหวานหรือของหวานแปรรูป
  • ดัชนีน้ำตาลในเลือด (Glycemic Index): เชอร์รีสดมีค่า GI ต่ำ ประมาณ 20–25 ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ “ต่ำ” ที่ช่วยลดการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำตาลในเลือดอย่างรวดเร็ว

ที่มา: Are Cherries Good For Diabetics? Delicious and Nutritious Treat (2 กันยายน 2021) [2]

เชอร์รีช่วยเรื่องการนอนและคลายเครียด

คุณเคยนอนไม่หลับหรือรู้สึกเครียดจนหลับไม่ลงบ่อยไหม ถ้าใช่ ลองหันมาให้เชอร์รีช่วยดูครับ เพราะนอกจากความหวานธรรมชาติแล้ว เชอร์รีโดยเฉพาะเชอร์รีที่มีรสเปรี้ยว (tart cherry) ยังมีคุณสมบัติที่ส่งเสริมการนอน และลดความเครียดอยู่ไม่น้อยเลย

  • สารเมลาโทนินในเชอร์รี: เชอร์รีชนิดเปรี้ยวมีเมลาโทนินตามธรรมชาติ ฮอร์โมนที่ช่วยบอกเวลานอน งานวิจัยพบว่าการดื่มน้ำเชอร์รี Montmorency ต่อเนื่อง 7 วันช่วยเพิ่มระดับเมลาโทนินในร่างกายอย่างชัดเจน
  • กลไกช่วยปรับวงจรการนอน: เมลาโทนินจากเชอร์รีช่วยให้หลับเร็ว และหลับลึกขึ้น ลดการตื่นกลางดึก งานวิจัยระบุว่าดื่มน้ำเชอร์รี 240 มิลลิลิตร ก่อนนอน 1–2 ชั่วโมงช่วยเพิ่มคุณภาพการนอนได้จริง

ที่มา: Effect of tart cherry juice (Prunus cerasus) on melatonin levels and enhanced sleep quality (30 ตุลาคม 2011) [3]

โดยสรุป เชอร์รี ดีอย่างไร ต่อสุขภาพและภูมิคุ้มกัน

สรุปแล้ว เชอร์รี ดีอย่างไร มันไม่ได้เป็นเพียงผลไม้หน้าตาน่ารัก แต่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ยาวนาน และสารอาหาร ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ตั้งแต่การเสริมภูมิคุ้มกัน ลดการอักเสบ ช่วยควบคุมน้ำหนัก ไปจนถึงช่วยปรับการนอน และชะลอวัยให้ผิวดูอ่อนเยาว์ การทานเชอร์รีเป็นประจำ ในปริมาณที่เหมาะสม จึงเป็นวิธีง่าย ๆ ในการดูแลตัวเองจากภายใน

เชอร์รีควรเก็บรักษาอย่างไรให้สดได้นานที่สุด?

ควรเก็บเชอร์รีในตู้เย็นทันที หลังจากซื้อมา โดยใส่ในภาชนะปิดหรือถุงซิปล็อค ที่มีรูระบายอากาศเล็กน้อย หลีกเลี่ยงการล้างก่อนเก็บ เพราะความชื้นจะทำให้เน่าเสียง่าย ควรล้างเฉพาะปริมาณที่ต้องการรับประทาน

คนที่เป็นเบาหวานสามารถกินเชอร์รีได้ไหม?

สามารถกินได้ในปริมาณที่เหมาะสม เพราะเชอร์รีมีดัชนีน้ำตาล (GI) ค่อนข้างต่ำ ประมาณ 20–25 ทำให้ไม่ทำให้น้ำตาลในเลือดพุ่งเร็วเหมือนของหวานทั่วไป แต่ควรคุมปริมาณ และปรึกษานักโภชนาการ หรือแพทย์ หากมีข้อจำกัดด้านอาหารเฉพาะบุคคล

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน
Picture of OTP
OTP

แหล่งอ้างอิง