
รีวิว เที่ยว บริสตอล (Bristol) เมืองศิลปะริมทะเล เต็มไปด้วยพลังสร้างสรรค์
- เฮียเกา
- 12 views

เที่ยว บริสตอล อีกหนึ่งในเมืองที่ให้ความรู้สึกแตกต่างที่สุดในอังกฤษ แบบที่หลายคนไม่คาดคิดมาก่อน แม้จะไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวยักษ์ใหญ่เหมือนลอนดอน หรือ เอดินบะระ แต่ความมีชีวิตชีวาของที่นี่กลับโดดเด่นในอีกรูปแบบหนึ่งที่หายใจเป็นศิลปะอย่างแท้จริง ทุกตรอกมีงานกราฟฟิตี ทุกกำแพงมีเรื่องราว และทุกมุมมีร้านกาแฟสวยๆ
ที่นี่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของอังกฤษ เดินทางจาก ลอนดอน เพียงชั่วโมงครึ่ง ทำให้เป็นตัวเลือกยอดนิยมของคนที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศจากเมืองหลวงชั่ววันสองวัน ความรู้สึกที่ได้จากที่นี่คืออิสระ วัยรุ่น และมีชีวิตชีวาแบบที่เดินไปแล้วเหมือนเมืองกำลังสร้างแรงบันดาลใจให้เราอยู่เรื่อยๆ
ยิ่งถ้าคุณเป็นสายถ่ายรูป สายศิลปะ หรือสายชอบเดินเมืองแบบชิลๆ บริสตอลคือหนึ่งในเมืองที่ตอบโจทย์ที่สุดในอังกฤษ เพราะมีทั้งวิวทะเล สะพานสวย ตึกคลาสสิก และโซนศิลปะที่เดินได้ตลอดวันแบบไม่มีเบื่อ ถ้าพักสักคืนจะอินกับเมืองนี้มากขึ้นแบบชัดเจน เพราะยามเย็นของบริสตอลมันโรแมนติกแบบธรรมชาติสุดๆ
- บริสตอลเมืองแห่งศิลปะ ความเสรี และทะเลที่มีชีวิตชีวา
- แลนด์มาร์ก ศิลปะระดับโลก
- คาเฟ่เด่น, อาหารดี และจุดน่าเดินในบริสตอล
บริสตอล เมืองแห่งศิลปะเสรี และทะเลที่มีชีวิต
บริสตอลไม่ใช่เมืองชายฝั่งที่ขึ้นชื่อเรื่องทะเลแบบเมือง Resort แต่เป็นเมืองท่าที่มีความคึกคักในแบบคนเมืองและศิลปะผสมกันอย่างลงตัว ท่าเรือเก่าถูกเปลี่ยนให้เป็นพื้นที่สร้างสรรค์ คาเฟ่ ร้านอาหาร และตลาดเล็กๆ มากมาย ทำให้โซนนี้กลายเป็นศูนย์กลางของไลฟ์สไตล์ในยุคใหม่ คนในเมืองดูผ่อนคลาย ทำให้บรรยากาศอบอุ่นอยู่เสมอ
เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของเมืองคือความหลากหลายของผู้คน บริสตอลเป็นเมืองที่มีศิลปิน นักออกแบบ มิวสิเชียน และนักเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ร่วมกันในพื้นที่เดียวกัน ทำให้วัฒนธรรมของเมืองสดใหม่ตลอดเวลา ทุกฤดูจะมีงานศิลปะใหม่ๆ โผล่มาบนกำแพง และทุกเดือนจะมีเทศกาลดนตรีหรืองานตลาดสร้างสรรค์ให้ไปเดินเล่นเสมอ
อีกสิ่งที่ทำให้บริสตอลโดดเด่นคือการเป็นเมืองมหาวิทยาลัย ผู้คนมีพลังและมีความคิดแบบเปิดกว้าง จึงเป็นจุดหมายที่เหมาะกับนักท่องเที่ยวทุกประเภท ทั้งสายเดินถ่ายรูป สายคาเฟ่ สายศิลปะ และสายชอบบรรยากาศเมืองริมทะเลที่เดินง่าย ไม่วุ่นวาย แต่มีเสน่ห์ในแบบของตัวเองอย่างลงตัว (2025) [1]
ทำไม เที่ยว บริสตอล ถึงเป็นเมืองที่คนรุ่นใหม่หลงรัก
สิ่งแรกที่ทำให้คนตกหลุมรักบริสตอลคือความรู้สึกเป็นเมืองที่สนับสนุนความสร้างสรรค์ มันมีพื้นที่ให้กับศิลปะเมืองทุกแบบ ตั้งแต่กราฟฟิตีที่ถูกกฎหมายไปจนถึงกิจกรรมเปิดหมวกของนักดนตรีที่มักได้เสียงปรบมือมากกว่าที่อื่น เพราะคนที่นี่ให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมการแสดงสุดๆ
นอกจากนี้ยังเป็นเมืองที่เดินง่าย เดินสนุก และไม่ต้องเร่งรีบ มุมสวยๆ มีทุกซอก ถนนลาดขึ้นลงเบาๆ พร้อมวิวตึกเก่าและทะเลประปรายให้ถ่ายตลอดเวลา ความรู้สึกนี้ทำให้บริสตอลเป็นเมืองที่เหมาะกับคนที่อยากเดินเล่นเพลินๆ โดยไม่ต้องจัดแพลนแน่นมาก
จุดสุดท้ายที่ทำให้คนรุ่นใหม่ตกหลุมรักคือบุคลิกของเมืองที่เป็นมิตรและสนุก มี Street Market, Popup Art, คาเฟ่เฉพาะทาง และกิจกรรมกลางแจ้งเยอะมาก เมืองนี้ไม่เงียบจนเกินไป ไม่วุ่นจนล้า แต่เป็นจังหวะกลางที่พอดีสำหรับการพักผ่อนแบบสร้างแรงบันดาลใจ
แลนด์มาร์กศิลปะระดับโลก บ้านเกิดของ Banksy
บริสตอลคือบ้านเกิดของ Banksy ศิลปินกราฟฟิตีชื่อดังระดับโลกที่ไม่เปิดเผยตัวตน และงานของเขายังปรากฏอยู่ตามจุดต่างๆ ของเมือง เช่น The Mild Mild West หรือ Girl with the Pierced Eardrum งานเหล่านี้ทำให้บริสตอลเป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์เปิดโล่งของศิลปะร่วมสมัย ใครชอบงานแนวสตรีทอาร์ตจะรู้สึกเหมือนเดินล่าสมบัติทั้งวัน
นอกจากนี้ยังมีงานศิลปะแนวอื่นๆ ที่มีเอกลักษณ์ เช่น กำแพงภาพวาดยักษ์ในโซน Stokes Croft และ North Street ที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามเทศกาล ทำให้คนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวมีอะไรใหม่ๆ ให้ค้นหาเสมอ ถ้าคุณชอบเดินตามเส้นทางศิลปะ เมืองนี้จะทำให้คุณยิ้มตลอดทางแบบไม่รู้ตัว
เที่ยว บริสตอล 1 วันแบบสนุก ได้ครบทั้งศิลปะ ทะเล และเมืองเก่า
ทริปเที่ยวันเดียว ในบริสตอลสามารถจัดได้สนุก ครบ และเดินง่ายมาก เริ่มต้นวันที่ Clifton Village หมู่บ้านเล็กๆ บนเนินเขาที่มีร้านเบเกอรี่ คาเฟ่ และถนนสไตล์อังกฤษสุดอบอุ่น จากนั้นเดินต่อไปยัง Clifton Suspension Bridge แลนด์มาร์กสำคัญที่สุดของเมือง อยู่เหนือหุบเขา Avon Gorge ให้วิวกว้างสุดสายตา
ตอนสายลงไปยังโซน Harbourside บริเวณท่าเรือเก่าที่ถูกปรับปรุงให้ทันสมัย มีพิพิธภัณฑ์ ร้านอาหาร คาเฟ่ และทางเดินริมอ่าวยาวให้เดินเล่นชิลๆ บรรยากาศช่วงกลางวันจะเต็มไปด้วยคนเดิน วิ่ง หรือมานั่งริมทะเลแบบไม่เร่งรีบ แล้วช่วงบ่ายก็สามารถแวะตลาด Wapping Wharf ที่รวมร้านอาหารท้องถิ่นกับร้านแนวสตรีทฟู้ดเท่ๆ ไว้ด้วยกัน
ช่วงเย็นเดินเล่นในเมืองเก่า ใกล้บริเวณ Corn Street และ St Nicholas Market ย่านที่มีร้านขายของเก่า ร้านเครื่องประดับทำมือ และร้านของฝากน่ารักๆ ให้เลือกเดินจนเต็มเวลา เมืองนี้เป็นคอมโบระหว่างศิลปะและไลฟ์สไตล์ที่น่ารักแบบอังกฤษมากๆ ทำให้วันเดียวเที่ยวได้ครบและไม่เหนื่อยเลย
Clifton Suspension Bridge สะพานแขวนสัญลักษณ์ของเมือง

สะพานแห่งนี้ถูกออกแบบโดยวิศวกรชื่อดัง Isambard Kingdom Brunel และกลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญของบริสตอล สะพานแขวนสูงเหนือหุบเขา Avon Gorge ให้วิวอลังการสุดๆ เวลามองจากด้านข้างหรือมุมสูง (25 กันยายน 2025) [2]
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือช่วงเย็นประมาณ 4–6 โมง เพราะแสงสีทองจะตกกระทบสะพานพอดี ทำให้ภาพดูอบอุ่นมาก อีกทั้งยังมีลานชมวิวทั้งสองฝั่งที่เหมาะกับการถ่ายรูปมาก ไม่ว่าคุณจะมาคนเดียวหรือมากับคู่รัก มุมนี้ถ่ายออกมาสวยแทบทุกช็อตแน่นอน
สะพานเปิดให้คนเดินข้ามฟรี บรรยากาศบนสะพานเงียบสงบ มีลมเย็นๆ ตลอดทั้งปี ยิ่งช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนจะเห็นท้องฟ้าใสแบบสวยมาก ทำให้มุมนี้กลายเป็นที่ที่ควรไปเป็นอันดับแรกเมื่อไปบริสตอล
Harbourside และ Wapping Wharf โซนเดินเล่นอารมณ์ดีริมอ่าว
Harbourside คือโซนที่มีชีวิตชีวามากที่สุดของบริสตอล เดิมเป็นท่าเรือเก่า แต่ถูกพัฒนาเป็นพื้นที่พักผ่อนครบวงจร มีทั้งทางเดินริมอ่าว พิพิธภัณฑ์ SS Great Britain ร้านอาหารริมทะเล และคาเฟ่บรรยากาศดีเต็มไปหมด โซนนี้เหมาะกับการเดินเล่น ชมวิว และถ่ายรูปขั้นสุด
Wapping Wharf อยู่ติดกัน เป็นย่านคอนเทนเนอร์สุดเท่ที่รวมร้านอาหารอร่อย ร้าน craft beer และร้านไอศกรีมดังๆ ไว้ด้วยกัน คนท้องถิ่นนิยมมานั่งชิลและทานดินเนอร์กันที่นี่ โดยเฉพาะช่วงพระอาทิตย์ตกที่แสงกระทบผิวน้ำ เป็นภาพที่สวยมากจนอยากหยุดเวลาไว้ (2025) [3]
ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบนั่งริมน้ำ ฟังเพลงเบาๆ กินของอร่อย และถ่ายรูปโทนอบอุ่น ที่นี่คือตัวยืนหนึ่งของบริสตอลแบบไม่ต้องคิด
คาเฟ่ดี อาหารเด็ด และย่านน่าเดินในบริสตอล
หนึ่งในเหตุผลที่ทำให้หลายคนหลงรัก เที่ยว บริสตอล คือคาเฟ่ที่มีสไตล์เฉพาะตัวเยอะมาก แต่ละร้านออกแบบอินทีเรียร์สวยจนอยากเข้าไปถ่ายรูปทุกร้าน และอาหารก็อร่อยแบบจริงจัง เพราะเมืองนี้ให้ความสำคัญกับอาหารท้องถิ่นและของทำมือ ร้านเบเกอรี่บางร้านอบร้อนสดใหม่หน้าร้าน จนกลิ่นหอมลอยมาแต่ไกล
ย่านที่เหมาะสำหรับเดินคาเฟ่มีหลายที่ เช่น Gloucester Road ถนนยาวที่เต็มไปด้วยร้านน่ารักๆ หรือ Clifton Village โซนที่บรรยากาศอบอุ่นเหมือนหมู่บ้านเล็กๆ รวมไปถึง Harbourside ที่มีคาเฟ่วิวทะเลให้เลือกนั่งหลายร้าน สายกิน สายชิล สายถ่ายรูป มาทางนี้คือสวรรค์มาก
นอกจากนี้ยังมีตลาดท้องถิ่นหลายแห่ง เช่น St Nicholas Market ที่ขายของทำมือ อาหารท้องถิ่น ของฝาก และ Street Food หลากหลาย ร้านของฝากที่นี่น่ารักมาก ไม่ซ้ำลอนดอน และราคาดีกว่าเยอะ ทำให้หลายคนชอบมาซื้อของจากบริสตอลกลับบ้านแทน
คาเฟ่บรรยากาศเท่ๆ ที่ต้องแวะสักร้าน
- Small Street Espresso คาเฟ่ Specialty Coffee ขวัญใจคนเมือง
- Playground Coffee คาเฟ่แนวสนุก โต๊ะมีชิงช้าให้เล่น
- Spicer and Cole ร้านวิวดี รสชาติดี เดินสบายริมเมือง
- The Epiphany คาเฟ่โทนอบอุ่นเหมาะกับการนั่งทำงานและอ่านหนังสือ
ย่านช้อปปิ้ง และ Street Market สุดคึกคัก
- Gloucester Road ถนนสายศิลปะ ร้านแนวอาร์ตเยอะที่สุดในเมือง
- Cabot Circus ห้างค้าปลีกใหญ่ที่สุดของบริสตอล
- St Nicholas Market ตลาดเก่าแก่ มีอาหารอร่อยและร้านฮิปสเตอร์เพียบ
- Park Street ถนนทางชันที่สวยมาก มีร้านเสื้อผ้า คาเฟ่ และมุมถ่ายรูปเพียบ
สรุป เที่ยว บริสตอล เมืองที่ทำให้รู้ว่าอังกฤษมีหลายรสชาติ
สิ่งที่ทำให้บริสตอลเป็นเมืองที่น่าประทับใจคือมันให้บรรยากาศที่แตกต่างจากอังกฤษเมืองอื่นๆ แบบชัดเจน ที่นี่มีทั้งศิลปะ จังหวะชีวิตที่สนุก วัฒนธรรมเปิดกว้าง อาหารดี และวิวริมอ่าวที่สดชื่นทุกครั้งที่มอง เมืองนี้คือส่วนผสมของความเท่ ความอบอุ่น และความเป็นกันเองที่อยู่ในเมืองเดียว
ถ้าคุณเป็นคนชอบความสร้างสรรค์ ชอบถ่ายรูป หรืออยากเห็นอังกฤษในมุมที่ไม่ซ้ำใคร บริสตอลคือคำตอบที่ดีที่สุดหนึ่งในประเทศนี้ เป็นเมืองที่ทำให้รู้ว่าอังกฤษไม่ได้มีแค่ตึกเก่าแบบลอนดอน หรือธรรมชาติแบบเลคดิสทริกต์ แต่มันมีเสน่ห์ที่หลากหลายกว่านั้นมาก
เหมาะกับใคร และควรมาเดือนไหน
บริสตอลเหมาะกับสายศิลปะ สายคาเฟ่ สายกิน สายถ่ายรูป และสายเที่ยวเมืองแบบเดินง่าย เดินสนุก โดยเฉพาะคนที่ชอบเมืองโทน Street Culture ที่ไม่ปรุงแต่งจนเกินไป ช่วงที่เหมาะที่สุดคือเดือนเมษายนถึงกันยายน อากาศดี แสงสวย ถ่ายรูปง่าย และโซน Harbourside คึกคักมาก
รายละเอียดงบประมาณ + การเดินทางจากเมืองลอนดอน
- รถไฟจากลอนดอนไปบริสตอล (ไปกลับ) 2,500–3,500 บาท
- อาหารและคาเฟ่ 1,000–1,800 บาท
- ค่าเข้าพิพิธภัณฑ์หรือกิจกรรมเสริม 500–800 บาท
รวมประมาณ 4,000–6,000 บาทต่อคน
เดินทางง่ายมาก รถไฟตรงลง Bristol Temple Meads แล้วต่อรถเมล์หรือเดินเข้ากลางเมืองได้ทันที เป็นเมืองที่เที่ยวแบบไม่ต้องวางแผนเยอะและเหมาะกับ One Day Trip มาก
- Tags: สถานที่ท่องเที่ยว


