รีวิว เที่ยว เอดินบะระ เมืองปราสาทบนเนินหิน เดินเที่ยวได้ทั้งกลางวัน–กลางคืน

เที่ยว เอดินบะระ

สำหรับการ เที่ยว เอดินบะระ คือการไปสัมผัสเมืองที่มีเอกลักษณ์แข็งแรงที่สุดเมืองหนึ่งในสหราชอาณาจักร เพราะไม่เหมือน ลอนดอน ที่ทันสมัย ไม่เหมือน อ็อกซฟอร์ด ที่เป็นเมืองมหาวิทยาลัย และไม่เหมือน ยอร์ค ที่เป็นเมืองเก่ายุคกลาง เอดินบะระคือเมืองที่ผสมความดิบของหินเก่า ความอลังการของสถาปัตยกรรมวิคตอเรีย

ความขรึมแบบสกอตแลนด์ และความมีชีวิตของการท่องเที่ยวแบบไม่หลุดธีม ไม่ว่าคุณจะเดินขึ้นเนินไปยัง Edinburgh Castle, เดินบนถนนหิน Royal Mile, หรือไต่เขาขึ้น Arthur’s Seat เมืองนี้ให้ฟีลคล้ายเดินในฉากหนังแฟนตาซี หรือซีรีส์ยุคเก่าแบบ Game of Thrones แบบที่ไม่ต้องพยายามถ่ายก็สวย (18 พฤศจิกายน 2567) [1]

ทุกซอกซอยคือฉากถ่ายรูป นักรีวิวใน TikTok พูดเหมือนกันว่า เอดินบะระคือเมืองที่ แค่เดินก็รู้สึกว่ากำลังท่องประวัติศาสตร์แบบยังมีคนเล่นบทอยู่ ส่วนสายถ่ายรูปรีวิวว่า ไม่มีมุมเสียต่อภาพ ไม่ต้องแต่งฟิลเตอร์ก็สวย ที่สำคัญคือเที่ยวได้ด้วยตัวเองง่ายมาก ทุกจุดเดินถึงกัน ไม่ต้องมีไกด์ ไม่ต้องนั่งรถในเมืองให้เสียเวลา

  • Edinburgh ส่วนผสมความสวยงามจากอดีตผสานปัจจุบัน
  • จุดแลนด์มาร์กที่ทำให้ต้องหลงรักเอดินบะระ
  • สถานที่และเส้นทางถ่ายรูปกับวิวเมืองที่ต้องขึ้นไป

เอดินบะระ เมืองหลวงสกอตแลนด์ ผสมความดิบของหินเก่า กับความงามแบบวิคตอเรีย

เอดินบะระเป็นเมืองที่แบ่งเป็น 2 โซนหลักคือ Old Town และ New Town ซึ่งทั้งสองฝั่งต่างกันชัดแบบเห็นแล้วรู้เลยว่าอยู่คนละยุคเมืองเก่า คือฝั่งปราสาท เนินหิน ถนนแคบ และตึกหินสีเข้ม ส่วนเมืองใหม่ คือฝั่งสถาปัตยกรรมวิคตอเรีย เรียบหรูเป็นระเบียบ ถนนกว้างกว่า และมีร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านดีไซน์เก๋ๆ เรียงเป็นบล็อก

แต่สิ่งที่ทำให้เอดินบะระพิเศษกว่าเมืองยุโรปเก่าทั่วไปคือ ทุกอย่างยังมีชีวิตอยู่จริง ไม่ได้ถูกทำให้กลายเป็นเมืองพิพิธภัณฑ์แบบแช่แข็ง การเดินใน Royal Mile จะเห็นนักดนตรีสกอตเล่นปี่สก็อตสด นักแสดงแต่งเป็นนักรบโบราณ และร้านขายของพื้นเมืองที่ยังขายสินค้าทอมือจริง ไม่ใช่ของตกแต่งปลอมๆ (2025) [2]

จุดแลนด์มาร์ก ที่ทำให้คน เที่ยว เอดินบะระ หลงรักตั้งแต่วินาทีแรก

  • Edinburgh Castle บนเนินหินสูง มองเห็นได้จากทั่วเมือง
  • Arthur’s Seat ภูเขาเดินขึ้นได้ เห็นวิวเมือง 180° แบบไร้ตึกบัง
  • Royal Mile ถนนหลักของ Old Town ตั้งแต่ปราสาทไปจนถึง Holyrood Palace
  • Greyfriars Kirkyard สุสานเก่าที่เป็นต้นแบบตัวละครใน Harry Potter

รีวิวจากอินฟลูฯที่ใครๆต่างเห็นตรงกัน 3 เรื่อง

  • เมืองนี้ ถ่ายรูปสวยฟรี ไม่ต้องจ่ายค่าเข้าชมหลายจุดเหมือนลอนดอน
  • รอยัลไมล์ ตอนเช้าเงียบกว่าวันหยุด คนถ่ายงานลงคอนเทนต์ชอบมาก
  • ปราสาท ไม่จำเป็นต้องเข้าข้างในก็ได้ มุมถ่ายจากด้านล่างสวยและฟรีมาก

เส้นทาง เที่ยว เอดินบะระ แบบเดินเท้า เก็บครบแลนด์มาร์กใน 1 วัน

แม้เอดินบะระจะมีเนินและทางขึ้นลงเยอะ แต่เมืองนี้ เดินได้ 100% ถ้าวางแผนดี แถมยังเดินสนุกเพราะวิวเปลี่ยนตลอดทาง จุดไฮไลต์อยู่เรียงกันเป็นเส้นตรงตามแนว ถนนรอยัลไมล์ ทำให้ไม่ต้องงงแผนที่ ไม่ต้องขึ้นรถเลยถ้าไม่ออกนอกเมือง

นักรีวิว YouTube สายเที่ยวคนเดียวบอกว่า ลองเปิดแผนที่ครั้งเดียวตอนเริ่ม แล้วเก็บแลนด์มาร์กแบบไม่ต้องเช็กอะไรอีก เพราะมันเรียงกันอยู่แล้ว

เส้นทางแนะนำที่เดินจริงได้ ไม่เหนื่อยเกินไป

เที่ยว เอดินบะระ
  1. เริ่มที่หน้าปราสาท ปราสาทเอดินบะระ (ด้านล่าง ถ่ายมุมไกลก่อน)
  2. เดินลงถนนรอยัลไมล์ แวะร้าน, บ้านเก่า, จุดถ่ายภาพมุมกำแพง
  3. แวะ Greyfriars Kirkyard + รูปปั้น Bobby สุนัขดังแห่งสกอตแลนด์
  4. เดินไป Victoria Street ถนนโค้งสีพาสเทลที่ดังใน Instagram
  5. ปิดท้ายที่ Grassmarket / ผับท้องถิ่นแบบสกอตแท้

คาเฟ่–ร้านอาหารที่รีวิวตรงกันว่า ของจริง

  • Hula Juice Bar คาเฟ่สายเฮลตี้ วิวถนนสวย
  • Oink ร้านแซนด์วิชหมูย่างช้า Slow-roast อังกฤษเหนือแบบดั้งเดิม
  • Deacon Brodies Tavern ผับเก่าที่เป็นต้นแบบตัวละคร Dr. Jekyll & Hyde

มุมถ่ายรูป + วิวเมืองที่ต้องขึ้นไป จุดที่คนไปอวยกันว่า คุ้มที่สุด

เอดินบะระเป็นเมืองที่ไม่ได้สวยแค่ระดับสายตา แต่สวย เมื่อมองจากด้านบน หลายคนที่เคยมารีวิวบอกว่า ถ้าไม่ได้ขึ้น Calton Hill หรือ Arthur’s Seat เท่ากับยังมาไม่ถึงเมืองนี้ เพราะมุมสูงคือสิ่งที่ทำให้เห็นความพิเศษของเมืองชัดที่สุด ทั้งเมืองเก่า, เมืองใหม่, ปราสาท, แม่น้ำ และภูเขา แบบรวมทุกเลเยอร์ในภาพเดียว (2025) [3]

มุมสูงที่ได้ภาพสวย 100%

  • Calton Hill จุดดูพระอาทิตย์ตกอันดับ 1 ของเมือง (ฟรี)
  • Vennel Viewpoint มุมที่เห็น ปราสาทเอดินบะระ ลอยเหนือบ้านหิน (ถ่ายมือถือยังสวย)
  • Dean Village โซนแม่น้ำ Leith บ้านสไตล์ยุโรปเหนือแบบไม่เหมือนอังกฤษตอนใต้เลย

ข้อแนะนำ สำหรับสายถ่ายรูป

  • ถ่ายปราสาท ตอนบ่าย 3–5 โมง แสงตกกระทบหินจะอบอุ่นพอดี
  • รอยัลไมล์ ตอนฝนปรอย ฟุตปาธจะสะท้อนเงา สวยแบบโทนหนังอังกฤษ
  • ถ้าอยากถ่ายคนบนถนนโล่ง ให้มาเช้า 08.00–09.00 โดยเฉพาะวันจันทร์

สรุป เที่ยว เอดินบะระ เมืองที่ให้ฟีลหนังแฟนตาซี เดินง่าย งบไม่แรง เหมาะทั้งมือใหม่และสายลุย

เอดินบะระเป็นเมืองที่ไม่มีใครมาแล้วรู้สึกเฉย เพราะมันคือเมืองที่ คาแรกเตอร์เด่นระดับเล่าแล้วเห็นภาพ ทั้งหินเก่า ปราสาทบนเนิน ถนนยุคกลาง นักดนตรีปี่สก็อต และร้านที่ยังรักษาเอกลักษณ์ดั้งเดิมไว้เต็มที่

เมืองนี้ไม่ต้องมีรถ ไม่ต้องมีไกด์ ไม่ต้องมีแผนละเอียดก็เที่ยวได้ ขอแค่รองเท้าดีๆ กล้องมือถือ และเสื้อกันลม เพราะสกอตแลนด์ลมแรงกว่าลอนดอนเยอะ

เมืองนี้เหมาะกับใคร

  • คนชอบถ่ายภาพโทนยุคกลาง–แฟนตาซี
  • คนที่อยากเที่ยวอังกฤษแต่ไม่อยากเจอความวุ่นวายในลอนดอน
  • สายเดินเท้า / เที่ยวคนเดียว / ค่ำแล้วไม่อันตราย
  • คนที่อยาก ได้ฟีลยุโรปเหนือ โดยไม่ต้องบินไปนอร์เวย์หรือเดนมาร์ก

งบเที่ยวเอดินบะระ (แบบไม่ค้างคืน)

  • รถไฟลอนดอน–เอดินบะระ (ไป–กลับ) 2,000–3,200 บาท (ถ้าจองล่วงหน้า)
  • ค่าเข้าปราสาท 900–1,100 บาท
  • อาหาร + คาเฟ่ + ผับ 800–1,500 บาท

รวมต่อคน 3,700–5,800 บาท

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง