เมล็ดเจีย มีโอเมก้า 3 และ 6 แหล่งรวมโอเมก้าสูง

เมล็ดเจีย มีโอเมก้า

เมล็ดเจีย มีโอเมก้า Chia Seeds เป็นหนึ่งในอาหาร ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในวงการสุขภาพ ด้วยขนาดเล็ก แต่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง เมล็ดเจียเป็นที่รู้จักกันดี ว่าเป็นแหล่งของโอเมก้า-3 ซึ่งเป็นกรดไขมันจำเป็น ที่ร่างกายไม่สามารถผลิตเองได้ และจำเป็นต้องได้รับจากอาหาร

เมล็ดเจีย มีโอเมก้า เมล็ดพืชจาก Salvia hispanica

Chia Seed คือเมล็ดพืชขนาดเล็กจากต้น Salvia hispanica ซึ่งเป็นพืชดอก ในตระกูลมินต์ มีถิ่นกำเนิดในแถบอเมริกากลาง และอเมริกาใต้ เมล็ดเจียได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในปัจจุบัน เนื่องจากมีคุณค่าทางโภชนาการสูง ถูกจัดเป็นซูเปอร์ฟู้ด ที่มีประโยชน์หลากหลาย

เมล็ดเจียมีลักษณะเป็นเมล็ดขนาดเล็ก รูปร่างคล้ายเม็ดไข่ มีสีต่างกันไป เช่นสีดำ สีน้ำตาล สีขาว และสีเทา เมล็ดเจียเมื่อถูกนำไปแช่ในน้ำ จะสามารถพองตัว และสร้างเจลได้ ซึ่งเป็นคุณสมบัติ ที่ช่วยให้เมล็ดเจียมีความนิยม ในการใช้ทำอาหาร และเครื่องดื่ม [1]

 

เมล็ดเจียมีโอเมก้า ประวัติและที่มาของเมล็ดเจีย

เมล็ดเจียมีประวัติยาวนานนับพันปี ย้อนกลับไปในยุคของชนเผ่า Maya และ Aztec ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองในอเมริกากลาง พวกเขานิยมใช้เมล็ดเจียเป็นอาหารหลัก ในชีวิตประจำวัน คำว่า “เจีย” ในภาษาโบราณของชาวมายามีความหมายว่า “ความแข็งแรง” เนื่องจากชนเชื่อว่าเมล็ดเจีย ช่วยเสริมพลังงาน และความอึดทนทาน

ในสมัยโบราณ เมล็ดเจียถูกนำมาใช้ในหลากหลายวัตถุประสงค์ ไม่ว่าจะเป็นอาหารสำหรับนักรบ วัตถุดิบในพิธีกรรมทางศาสนา และการใช้เป็นเครื่องเซ่นไหว้เทพเจ้า เมล็ดเจียถือเป็นสินค้ามีค่า ที่ใช้ในการแลกเปลี่ยนสินค้า และชำระหนี้ด้วย

เมล็ดเจียมีโอเมก้า คุณค่าโภชนาการจากเมล็ดเจีย

เมล็ดเจียยังเป็นแหล่งของสารอาหาร ที่สำคัญหลายชนิด เช่นโปรตีน ไฟเบอร์ แคลเซียม โอเมก้า-3 และสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งทำให้เมล็ดเจียเป็นอาหารที่เหมาะสำหรับผู้ที่ใส่ใจในสุขภาพ โดยเมล็ดเจีย 100 กรัม มีคุณค่าทางโภชนาการ ดังนี้

  • พลังงาน: 486 กิโลแคลอรี
  • โปรตีน: 16.54 กรัม
  • ไขมันรวม: 30.74 กรัม
  • โอเมก้า-3: 17.83 กรัม
  • โอเมก้า-6: 5.84 กรัม
  • คาร์โบไฮเดรต: 42.12 กรัม
  • ไฟเบอร์: 34.4 กรัม
  • แคลเซียม: 631 มิลลิกรัม
  • ธาตุเหล็ก: 7.72 มิลลิกรัม
  • แมกนีเซียม: 335 มิลลิกรัม
    ฟอสฟอรัส: 860 มิลลิกรัม
  • โพแทสเซียม: 407 มิลลิกรัม
  • โซเดียม: 16 มิลลิกรัม
  • สังกะสี: 4.58 มิลลิกรัม

ที่มา: Seeds, chia seeds [2]

 

เมล็ดเจียมีโอเมก้า ประโยชน์โอเมก้า 3 และ 6 ในเมล็ดเจีย

ประโยชน์ของโอเมก้า-3 และโอเมก้า-6 ในเมล็ดเจีย สิ่งสำคัญคือต้องรักษาสมดุลระหว่างทั้งสอง เนื่องจากการได้รับโอเมก้า-6 ในปริมาณมากเกินไป อาจกระตุ้นการอักเสบในร่างกาย ดังนั้นการบริโภคเมล็ดเจีย ที่มีสัดส่วนของโอเมก้า-3 สูงเป็นวิธีที่ดี ในการรักษาสมดุล

ประโยชน์ของโอเมก้า-3

  • บำรุงสมองและระบบประสาท: โอเมก้า-3 ช่วยส่งเสริมการทำงานของสมอง ความจำ และการเรียนรู้ อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคอัลไซเมอร์
  • ลดการอักเสบ: มีคุณสมบัติ ในการลดการอักเสบในร่างกาย ซึ่งเป็นประโยชน์ ในการป้องกันโรคเรื้อรัง เช่นโรคหัวใจ โรคข้ออักเสบ และโรคเบาหวาน
  • ป้องกันโรคหัวใจ: โอเมก้า-3 ช่วยลดระดับไตรกลีเซอไรด์ ลดความดันโลหิต และปรับสมดุลไขมันในเลือด ซึ่งทั้งหมดนี้ เป็นปัจจัยที่ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ

ประโยชน์ของโอเมก้า-6

  • สนับสนุนระบบภูมิคุ้มกัน: โอเมก้า-6 มีบทบาทสำคัญ ในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยในการต่อสู้กับการติดเชื้อ และส่งเสริมการฟื้นฟูร่างกาย หลังจากบาดเจ็บ
  • ส่งเสริมการเจริญเติบโตของเซลล์: โอเมก้า-6 เป็นกรดไขมันที่จำเป็น ต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาของเซลล์ โดยเฉพาะในช่วงการพัฒนาของเด็ก
  • บำรุงผิวพรรณ: ช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื่น และป้องกันการอักเสบของผิวหนัง

เมล็ดเจียมีโอเมก้า ประโยชน์ในเมล็ดเจีย (Chia Seed)

  • แหล่งโอเมก้า-3 สูง: เมล็ดเจียเป็นแหล่งของโอเมก้า-3 ซึ่งเป็นกรดไขมันที่มีประโยชน์ต่อสมอง หัวใจ และระบบประสาท
  • เพิ่มพลังงาน: เมล็ดเจียมีคุณสมบัติ ในการเพิ่มพลังงาน และความอึดทนทาน จึงเป็นอาหารที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการเสริมพลังงานระหว่างวัน
  • ช่วยควบคุมน้ำหนัก: เมล็ดเจียมีไฟเบอร์สูง ทำให้รู้สึกอิ่มนาน และช่วยควบคุมความอยากอาหาร นอกจากนี้ยังช่วยปรับระดับน้ำตาลในเลือดให้สมดุล
  • ส่งเสริมระบบย่อยอาหาร: ไฟเบอร์ในเมล็ดเจีย ช่วยกระตุ้นการทำงาน ของระบบย่อยอาหาร และลดปัญหาท้องผูก
  • บำรุงกระดูกและฟัน: เมล็ดเจียเป็นแหล่งของแคลเซียม แมกนีเซียม และฟอสฟอรัส ซึ่งเป็นสารสำคัญที่ช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง
  • ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ: การบริโภคเมล็ดเจียอย่างสม่ำเสมอ สามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล และความดันโลหิต ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ
  • ต้านอนุมูลอิสระ: เมล็ดเจียมีสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกาย จากความเสียหายและลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง
  • ส่งเสริมสุขภาพผิวพรรณ: การบริโภคเมล็ดเจียช่วยให้ผิวพรรณชุ่มชื่น ลดการเกิดสิว และชะลอการเกิดริ้วรอย

เมล็ดเจียมีโอเมก้า สูตรอาหาร Chia Pudding

เมล็ดเจีย มีโอเมก้า

เมล็ดเจียสามารถนำมาบริโภคได้หลากหลายวิธี เช่นการโรยลงบนสลัด ผสมในโยเกิร์ต หรือใส่ใน Smoothies นอกจากนี้ ยังสามารถใช้เมล็ดเจียในการทำ Pudding หรือเป็นเครื่องดื่ม ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับร่างกาย ตัวอย่างสูตรอาหาร วิธีการทำเจียพุดดิ้งเพื่อสุขภาพ

ส่วนผสม

  • เมล็ดเจีย 1/2 ถ้วยตวง
  • นมอัลมอนด์ 2 ถ้วยตวง
  • Maple syrup 1-2 ช้อนโต๊ะ
  • Vanilla Extract 1 ช้อนชา
  • ผลไม้สด ตามใจชอบ

วิธีทำ

  • ใส่เมล็ดเจีย นมอัลมอนด์ Maple syrup และ Vanilla Extract ในชามผสม
  • คนส่วนผสมทั้งหมด ให้เข้ากันอย่างทั่วถึง
  • ปิดฝาชามผสมและแช่เย็นไว้อย่างน้อย 6 ชั่วโมง หรือทิ้งไว้ข้ามคืน เพื่อให้เมล็ดเจียพองตัวเป็นพุดดิ้ง
  • เมื่อเจียพุดดิ้งพร้อมแล้ว ให้เสิร์ฟพร้อมผลไม้สด ถั่ว หรือToppings ที่ชื่นชอบ

สูตรนี้ทำง่ายและรวดเร็ว เหมาะสำหรับเป็นอาหารเช้า หรือของว่างที่อร่อย และมีประโยชน์ต่อสุขภาพ [3]

สรุป เมล็ดเจีย มีโอเมก้า 3,6 บำรุงสมอง หัวใจ ผิวพรรณ

เมล็ดเจียเป็นเมล็ดพืชขนาดเล็ก แต่เปี่ยมไปด้วยคุณประโยชน์ โดยเฉพาะในเรื่องของโอเมก้า-3 ที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการบำรุงสมอง หัวใจ หรือผิวพรรณ การเพิ่มเมล็ดเจียในมื้ออาหาร จึงเป็นทางเลือกที่ดี ในการดูแลสุขภาพอย่างครบถ้วน

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง

118