
เสาหลัก ไร้กาลเวลา ผู้อารักขาที่รักษาเสถียรภาพให้ทีม
- Harry P
- 13 views

เสาหลัก ไร้กาลเวลา ไม่ใช่คำสวยหรูเพื่อการตลาด แต่เป็นคำอธิบายตัวตนของ อัล ฮอร์ฟอร์ด (Al Horford) ในวันที่อายุเข้าใกล้ 40 ปี แต่ยังถูกเลือก ให้ยืนตรงกลางของทีมลุ้นแชมป์ มีสถิติอาชีพที่มั่นคง และมีเกมใหญ่ๆในเพลย์ออฟ เป็นหลักฐานว่าความนิ่งของเขา ไม่เคยหลุดหายไปไหน
- สไตล์การเล่นที่เป็นจุดแข็งของฮอร์ฟอร์ด
- ข้อวิจารณ์สำคัญเกี่ยวกับฮอร์ฟอร์ด
- สิ่งที่ผู้เล่นรุ่นใหม่เรียนรู้ได้จากฮอร์ฟอร์ด
เส้นทางของฮอร์ฟอร์ดจากโดมินิกัน สู่การคว้าแชมป์
ยุคฟลอริดา ดีเอ็นเอของ “ทีมที่ชนะ”
อัลเฟรด โจเอล ฮอร์ฟอร์ด เรย์โนโซ (Alfred Joel Horford Reynoso) เติบโตจากโดมินิกัน ก่อนจะกลายเป็นส่วนสำคัญของทีม Florida Gators ชุดประวัติศาสตร์ที่คว้าแชมป์ NCAA ติดต่อกันสองสมัยในปี 2006 และ 2007 ร่วมกับ Joakim Noah, Corey Brewer และเพื่อนร่วมรุ่นอีกหลายคน (28 ตุลาคม 2025) [1]
เส้นทางนั้นไม่ได้สร้างแค่โปรไฟล์ให้เขา แต่สร้างนิสัยของ “คนที่เข้าใจว่าทีมชนะต้องหน้าตาแบบไหน” ฮอร์ฟอร์ดไม่ได้เป็นสตาร์เพียวๆ ที่ต้องเป็นศูนย์กลางทุกเพลย์ แต่เป็นคนที่เติมเต็มช่องว่างในทีม ตั้งแต่รีบาวด์ เกมเพลย์จากโพสต์ ไปจนถึงงานสกรีน ที่แทบไม่มีใครนับแต้มให้ นิสัยนี้ติดตัวเขามาใน NBA แทบจะทั้งสายอาชีพ
จากแอตแลนตาถึงบอสตัน บิ๊กแมนที่ขยับตามยุค
ในปี 2007 แอตแลนตา ฮอว์กส์ เลือกเขาในดราฟต์อันดับ 3 และมอบหมายให้เป็นแกนหลักของแฟรนไชส์ทันที เขาเป็นบิ๊กแมนที่รีบาวด์แน่น และเล่นได้ทั้งสองฝั่ง แต่เมื่อเวลาผ่านไป NBA เปลี่ยนสู่ยุค space‑and‑pace ฮอร์ฟอร์ดก็ปรับตัวทันที ทำให้เขายังมีที่ยืน แม้รูปแบบเกมจะเปลี่ยนเร็ว
จากแบ็คโบนของบอสตัน สู่การเริ่มต้นบทใหม่

การเทรดกลับมาบอสตันในปี 2021 คือจุดเปลี่ยนที่ทำให้ทั้งลีก กลับมามองฮอร์ฟอร์ดในมุมเดิม ที่เคยมองเขาสมัยพีค แต่เพิ่มน้ำหนักด้วยคำว่า “ผู้นำ” ฮอร์ฟอร์ดกลับมาเป็นแกนกลาง ที่ทีมเชื่อใจอีกครั้ง บทบาทผู้นำชัดเจนขึ้น และพา Celtics เข้าถึง NBA Finals
พร้อมเกมเพลย์ออฟคุณภาพ ที่ตอกย้ำว่าประสบการณ์ของเขา ยังใช้งานได้จริง ในช่วงปี 2023-24 บทบาทของฮอร์ฟอร์ดเปลี่ยนเป็น Sixth Starter แต่คุณค่ากลับเพิ่มขึ้น เมื่อทีมต้องการความนิ่งในวันที่ Kristaps Porzingis บาดเจ็บ เขาถูกดันกลับเป็นตัวจริง และตอบแทนด้วยผลงาน ที่รักษาโมเมนตัมให้ทีม
ทั้งเกม 22 แต้ม 15 รีบาวด์ 5 แอสซิสต์ 3 สตีลใส่ Cleveland และคืนที่ชู้ตสามแต้ม 7 ลูกในรอบชิงสายตะวันออก ท้ายที่สุด เขาชูถ้วยแชมป์กับ Celtics ในปี 2024 กลายเป็นชาวโดมินิกันคนแรกที่ได้แหวน NBA ปิดฉากคำวิจารณ์ว่าอาชีพของเขา “ไปไม่สุด” ด้วยผลงานที่สมบูรณ์แบบ
ยุคอาวุโสแต่ยังคงมีความหมายกับ Golden State Warriors
หลังจากคว้าแชมป์ในฤดูกาล 2024-25 ฮอร์ฟอร์ดเดินมาถึง จุดที่ต้องตัดสินใจครั้งใหญ่ของท้ายอาชีพ บอสตันกำลังจัดโครงสร้างใหม่ ปรับเพดานเงินเดือน และเริ่มหันหน้าเข้าสู่ยุคใหม่ ขณะที่เขาเองก็ต้องเลือกว่า จะปิดฉากในเมืองที่เพิ่งให้แหวน กับบทบาทที่น้อยลงเรื่อยๆ หรือจะลอง “หนึ่งบทใหม่” ในทีมที่ยังต้องการเสาหลักตัวจริง
คำตอบคือ Golden State Warriors สำหรับ Warriors ที่มี สตีเฟน เคอร์รี, เดรย์มอนด์ กรีน และโครงสร้างใหม่ที่กำลังถูกผลักดันโดย คอนโทรลเลอร์ จากอีกมิติ อย่างแบรนดิน พอดเซียมสกี้ การมาของฮอร์ฟอร์ดไม่ได้เป็นแค่การเติมเซนเตอร์ แต่คือการเอา “สมอง และโครงสร้าง” อีกก้อนหนึ่งมาใส่กลางทีม
เขาคือบิ๊กแมน ที่ขยับตามบอลได้ดี และเมื่อทีมต้องการคนที่ “ไม่ต้องใช้บอลเยอะ แต่ทำให้โครงสร้างไม่พัง” ฮอร์ฟอร์ดคือชื่อที่เหมาะเจาะ และนี่คือเหตุผลที่หลายสื่อมองว่า Warriors ไม่ได้แค่เซ็นเซนเตอร์วัย 39 แต่นำเอา “อีกชั้นของความนิ่ง” มาใส่ลงในทีมที่ยังอยากลุ้นแชมป์ (1 ตุลาคม 2025) [2]
แก่นแท้ของการอารักขา บทบาทที่ทำให้ทีมมีเสถียรภาพ

เกมรับ: เสาหลักที่อ่านเกมก่อนที่บอลจะมาถึง
- ฮอร์ฟอร์ดไม่ใช่สายบล็อกแบบ Gobert หรือสายแอธเลติกแบบ Jaren Jackson Jr. แต่เด่นที่การอ่านเกม และยืนตำแหน่งล่วงหน้า ทำให้เพื่อนร่วมทีม Rotation สั้นลง และลดภาระไล่ประกบ ในเพลย์ที่คู่แข่งเร่งสปีด
- เขามักปิดมุมไดรฟ์ และสไลด์ช่วยอย่างมีจังหวะ จนหลายครั้งคู่แข่งต้องเปลี่ยนใจ ไม่เจาะเข้าไปชนตรงๆ แล้วเลือกออกบอล หรือรีเซตใหม่ ความลังเลครึ่งจังหวะนี้ ไม่ถูกนับในสถิติ แต่เป็นผลลัพธ์ที่ทั้งโค้ช และเพื่อนร่วมทีมเห็นชัดเจน
เกมรุก: บิ๊กแมนที่เป็นตัวเชื่อมมากกว่าตัวจบ
- ช่วงแรกฮอร์ฟอร์ดเน้นเกมโพสต์ และมิดเรนจ์ แต่ยุคสามแต้มทำให้เขาพัฒนา เป็นสเปซซิ่งบิ๊กแมนที่เชื่อถือได้ การชู้ตสามแต้มระดับ 40% ทำให้คู่แข่งปล่อยว่างไม่ได้
- จุดที่ทำให้เขา มีค่ามากกว่าแค่ยืนรอจบคือ การอ่านเกมจากจุดสูงของคีย์ รับบอลแล้วตัดสินใจเร็วว่าจะส่ง หรือรีเซตเพลย์ให้ทีมเดินต่อเนื่อง ผู้เล่นแบบฮอร์ฟอร์ด จึงทำหน้าที่เหมือน “โหนดกลางของเพลย์” ที่ช่วยให้เกมรุกของทีมลื่นไหล
ประเด็นที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ อายุ ความเร็ว และเพดานทีม
แน่นอนว่าไม่มีเสาหลักคนไหน อยู่ได้โดยไม่มีคำถามตามมา และอายุที่ไม่โกหกใคร ฮอร์ฟอร์ดที่อายุเกือบ 40 ปีหมายความว่าเขา ไม่สามารถลงเล่น 82 เกมเต็มด้วยภาระหนักทุกคืนได้อีก ความฟิตต้องถูกจัดการอย่างละเอียด เพื่อให้พร้อมในเกมที่สำคัญ และนี่คือเหตุผลที่บางเสียงตั้งคำถามว่า ทีมควรทุ่มนาทีสำคัญให้ผู้เล่นรุ่นใหม่มากกว่า
อีกประเด็นคือ จังหวะเกมที่เร็วขึ้นมากในยุคปัจจุบัน ทำให้บิ๊กแมนทุกคนต้องถูกถามว่า “จะตามทันหรือไม่” Hyper‑athletic bigs บางคนอาจตอบคำถามนี้ ด้วยการกระโดดบล็อกเต็มแรง แต่ฮอร์ฟอร์ดตอบด้วยการอ่านเกม ปล่อยให้รุ่นน้องที่สดกว่าเป็นคนวิ่งไล่ แต่ตัวเขาช่วยปิดมุมสำคัญๆ ที่ทำให้ทีมไม่เสียทรง (14 พฤศจิกายน 2025) [3]
คำถามสุดท้ายคือ ถ้ามีฮอร์ฟอร์ดอยู่ในทีม เพดานทีมจะสูงถึงแค่ไหน ในมุมหนึ่ง การมีผู้เล่นอาวุโสที่ต้องจัดการนาที และต้องมีแผนใช้งานเฉพาะสถานการณ์ อาจถูกมองว่าเป็นข้อจำกัด แต่ในอีกมุมหนึ่ง การมีคนที่เข้าใจวิธีคว้าแชมป์จริงๆ ยืนอยู่ในห้องแต่งตัว ทำให้ทีมที่เต็มไปด้วยดาวรุ่ง มีเข็มทิศที่ชัดเจนว่าวันสำคัญต้องเล่นอย่างไร
ความยืนยาวสำคัญกว่าความดังระยะสั้น
เส้นทางของฮอร์ฟอร์ดบอกเราว่า การเป็นผู้เล่นที่มีคุณค่าตลอด 15-20 ปี สำคัญกว่าการเคยระเบิดฟอร์ม 1-2 ฤดูกาลแล้วหายไป การดูแลร่างกาย วินัยซ้อม การยอมปรับบทบาท และการเข้าใจว่าทีมต้องการอะไรจากเรา คือเหตุผลที่ทำให้เขายังอยู่ในจุดที่ทีมใหญ่ ยินดีเปิดประตูต้อนรับ
สำหรับผู้เล่นรุ่นใหม่ ที่ไม่ได้ถือบอลเยอะ หรือไม่ได้มีชื่ออยู่ในป้าย All‑Star ทุกปี การมองอัล ฮอร์ฟอร์ดเป็นต้นแบบ จะช่วยให้เห็นเส้นทางอาชีพแบบ “สายเสถียรภาพ” ที่มีคุณค่าจริง ในโลกบาสเกตบอลสมัยใหม่
ท้ายที่สุด เสาหลัก ไร้กาลเวลา คือผู้ก้าวข้ามคำว่าเวลา
บทส่งท้าย เสาหลัก ไร้กาลเวลา เส้นทางของอัล ฮอร์ฟอร์ดคือเรื่องเล่าของคนที่ไม่ยอมให้เวลา ทำลายคุณค่าในตัวเอง เขาปรับตัว เปลี่ยนสไตล์ ยอมรับบทบาทที่ลดลง แต่ไม่เคยลดมาตรฐานในการเล่น ไม่ว่าใครจะเป็นสตาร์หลักของทีม เขายังทำหน้าที่เป็น “ผู้อารักขา” ที่คอยรักษาเสถียรภาพ ให้ทุกคนรอบตัวเล่นได้อย่างมั่นใจ
ทำไมอัล ฮอร์ฟอร์ดถึงถูกมองว่าเป็นเสาหลักของทีม ?
เพราะเขาเป็นผู้เล่นที่ทำให้โครงสร้างทีมสมดุล ทั้งเกมรับ การยืนตำแหน่ง การอ่านเกม และการเป็นผู้นำในห้องแต่งตัว แม้ไม่ได้ทำแต้มสูง แต่เขาคือเหตุผลที่จังหวะของทีมไม่เสียรูป และเป็นคนที่โค้ชไว้วางใจในสถานการณ์สำคัญเสมอ
อะไรทำให้ฮอร์ฟอร์ดอยู่รอดใน NBA ได้นานเกือบ 20 ปี ?
เขาปรับตัวเข้ากับยุคใหม่ได้ดี ทั้งการเพิ่มการชู้ตสามแต้ม การลดภาระในโพสต์ และใช้ประสบการณ์อ่านเกมมากกว่าใช้พลัง ความยืดหยุ่นนี้ทำให้เขามีคุณค่า แม้อายุเกือบ 40 ปี อีกทั้งยังพิสูจน์ให้เห็นว่าไหวพริบ และการตัดสินใจที่เฉียบคมของเขา สามารถทดแทนพละกำลัง ที่ลดลงได้อย่างแท้จริง
- Tags: กีฬา


