แก้วมังกร เป็นผลไม้ที่เห็นได้ทั่วไป มีทั้งเนื้อสีแดง หรือสีม่วงเข้ม และเนื้อสีขาว แต่รู้หรือไม่ว่า ประโยชน์ของผลไม้ดังกล่าว นั้นมีอะไรบ้าง ซึ่งผลไม้ชนิดนี้ที่เราเห็นจะมีอยู่ 2 ชนิดคือ เนื้อขาวและเนื้อสีแดง ซึ่งแก้วมังกรสีแดง จะมีรสชาติที่หวาน กว่าเนื้อที่มีสีขาว
อีกทั้งผลไม้ชนิดนี้ มีรสชาติหวานหอม เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีสารอาหาร วิตามิน แร่ธาตุ เช่น แมกนีเซียม วิตามินเอ ให้ประโยชน์แก่ร่างกายในหลายด้าน เช่น เสริมภูมิคุ้มกัน ช่วยควบคุมน้ำหนัก
แก้วมังกร เป็นผลไม้ที่มีค้นพบที่แรก ในอเมริกากลาง [1] นำเข้ามาในทวีปเอเชีย มาแล้วหลายปี และเป็นผลไม้ที่ปลูกได้ ทั่วประเทศ แต่แหล่งเพาะปลูก ในไทย ที่พบได้มากที่สุด ก็คือ จังหวัดสระบุรี จันทบุรี สมุทรสงคราม กาญจนบุรี และชลบุรี
เป็นผลไม้ ที่มีลักษณะเป็นรูปกลมรี เปลือกมีสีแดง เนื้อภายในมีสีขาว หรือแดง แล้วแต่สายพันธุ์ และมีเมล็ดเล็กๆ ที่เหมือนกับเมล็ดแมงลัก โดยผลไม้ดังกล่าว จะมีสายพันธุ์หลากหลาย มีรสชาติต่างกัน และสีต่างกันออกไป
แก้วมังกร เป็นพืชในวงศ์ Cactaceae ที่มีชนิดพืชในวงศ์ ที่มากกว่า 1,500 ชนิด ลักษณะทั่วไปที่พบ จะมีลำต้นสีเขียน เป็นพืชที่อวบน้ำ และไม่มีใบ เพราะเป็นพืชที่ลดใบ แต่แสดงออกมาเป็นรูปแบบของ หนาม แทน โดยทั่วไปแล้ว เราจะพบแก้วมังกร ได้ 3 ลักษณธ นั่นก็คือ
แต่สายพันธุ์ที่ปลูก เพื่อการค้าส่วนใหญ่ที่เราจะพบได้ จะถูกแปลงออกมาเป็น 2 สายพันธุ์ใหญ่ๆ นั่นก็คือ
เพราะ แก้วมังกร เป็นผลไม้ที่มีไฟเบอร์อยู่มาก ทำให้ช่วยในเรื่องของ การควบคุมน้ำตาลในเลือดได้ดี และช่วยลดน้ำตาล ในเลือดผกผัน จึงเหมาะจะเป็นผลไม้ ที่ดีต่อผู้ป่วยโรคเบาหวาน แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม ยังไงประมาณการทาน ก็ควรที่จะอยู่ภายใต้ การแนะนำของแพทย์จะดีที่สุด ในหมู่ผู้ป่วยที่สุ่มเสี่ยง เพราะถ้ากินมากไป ก็อาจจะทำให้ ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ จนเป็นอันตรายได้เลย
นอกเหนือจากสรรพคุณ ในด้านของการควบคุมน้ำหนักแล้ว แก้วมังกรยังมีคุณค่า ทางโภชนาการในด้านอื่นๆ ที่ช่วยส่งเสริม คุณค่าทางอาหาร ให้แก่ผู้ทานได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น
แก้วมังกร เป็นผลไม้ที่มีแคลอรีน้อย และช่วยควบคุมน้ำหนัก รวมไปถึงเป็นผลไม้ที่มีเนื้อเยอะ กินแล้วอิ่มนาน ถือว่ากินแทนอาหารหนึ่งมื้อได้ แม้จะว่ากินเยอะแค่ไหน ก็ไม่ทำให้อ้วน แถมช่วยบำรุงผิวพรรณให้ สดใส ดูมีน้ำมีนวลอีกด้วย