แวมไพร์ หลายท่านคงคุ้นหน้าคุ้นตา กับปีศาจดูดเลือดตัวนี้เป็นอย่างดี เพราะจะเห็นได้ตามภาพยนตร์ชื่อดัง อย่าง Vampire Twilight ที่พระเอกของเรื่องมีผิวซีดขาว มีพลังเยอะ แถมยังอ่อนไหวต่อแสงแดด ในวันนี้ เราจะพานักอ่านทุกท่าน ไปทำความรู้จักประวัติของปีศาจกระหายเลือดตัวนี้ ให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น
เคานต์แดรกคูลา หรือชื่อที่หลายท่านเรียกว่า แวมไพร์ [1] เป็นตำนานของผีดิบที่มีชื่อเสียงโด่งดัง และกลายมาเป็นนิยายสยองขวัญ เป็นสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติ ที่ปรากฏในตำนาน และวรรณกรรมของวัฒนธรรมทั่วโลก
ซึ่งมีความเชื่อกันว่า เป็นปีศาจที่มีรูปร่างเหมือนกับมนุษย์ แต่จะมีฟันที่แหลมคม และมักจะดื่มเลือดสด ๆ ของมนุษย์เป็นอาหาร เพื่อให้พวกมันมีชีวิตเป็นอมตะ ไม่มีวันแก่เฒ่า ส่วนใหญ่จะปรากฏในช่วงเวลากลางคืนเท่านั้น และมีความเชื่อว่ามันแพ้แสงอาทิตย์ มักหลบซ่อนในที่มืด
บางข้อมูลบอกว่า มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความน่ากลัว ซึ่งจะเข้าไปในจิตใจของมนุษย์ในยุโรป แวมไพร์ ถูกระบุในสถานะเดียวกันกับ มนุษย์หมาป่า และแม่มด มีการพูดติดต่อกันมาหลายร้อยปี มันเป็นปีศาจที่น่าสนใจ และถูกเล่าขานเป็นนิทานปรัมปรา
มันมีความสามารถกลายร่างไปเป็น ค้างคาว อีกา หมาป่า หมอก และหายตัวได้ ที่สำคัญ มันไม่มีเงาที่ปรากฏในกระจก มีพละกำลังที่เยอะ เทียบเท่ากับผู้ชาย 20 คน และสามารถบังคับสิ่งของให้เคลื่อนที่ได้ตามความต้องการ มันกลัวสิ่งของที่ส่งกลิ่นแรง เช่น กระเทียม
ซึ่งความเชื่อของชาวยุโรปกลาง มีความหวาดกลัว ต่อปีศาจกระหายเลือดตัวนี้ เป็นอย่างมาก หากใครที่ถูกมองว่ามีความคล้ายกับปีศาจตัวนี้ จะตกเป็นเป้าหมายเช่นเดียวกับ มนุษย์หมาป่า และแม่มด และจะถูกตัดสินด้วยการลงโทษ โดยการตอกหมุดวงที่หัวใจ หรือทำการเผาทั้งเป็น
โดยการจำแนกบุคคลที่ถูกกล่าวหาว่าเป็น แวมไพร์ จะมีพิธีกรรมมากมาย ที่จะสามารถระบุถึงตัวตนของปีศาจเหล่านี้ หนึ่งในนั้นก็คือการหาหลุมศพ ที่ปีศาจตนนี้เป็นเจ้าของ ใช้ม้าของผู้บริสุทธิ์เดินผ่านสุสาน หรือพื้นที่ของโบสถ์ ม้าจะหยุดในตำแหน่งที่สงสัย ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้ม้าดำ
หลุมศพที่คาดว่าเป็นของปีศาจรัตติกาล ศพนั้นจะมีสุขภาพที่ดี อ้วน และไม่มีตำแหน่งที่เน่าเปื่อย บางกรณี ศพของปีศาจตนนี้ จะมีคราบเลือดที่ได้ไปดูดมาติดตามตัว มีชาวบ้านได้พูดขึ้นมาว่า การตายของสัตว์ในหมู่บ้าน ไม่ว่าจะเป็น วัว ควาย แกะ ล้วนเกิดจากฝีมือของปีศาจ
ถึงแม้จะเป็นตำนานเมื่อนานหลายปี หรือจะเป็นเพียงเรื่องที่เล่าขานกันมาก็ตาม ซึ่งยังไม่มีข้อสรุปว่า ปีศาจกระหายเลือดตนนี้ จะมีจริงหรือไม่มีก็ตาม ถ้าหากมันมีจริง ๆ ขึ้นมา ก็คงจะถึงคราวสูญพันธุ์ของมนุษย์แล้ว