Apricot หรือ แอปปริคอต เป็นผลไม้ที่มีความหมายพิเศษ ในหลายวัฒนธรรม เนื่องจากมีสีสันสวยงาม รสชาติหวานฉ่ำ และคุณค่าทางโภชนาการสูง แอปปริคอต ไม่เพียงแต่เป็นผลไม้ที่น่ารับประทาน แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ ของความสุขภาพดีอีกด้วย
Apricot มีต้นกำเนิดจากจีน ก่อนที่จะแพร่กระจายไปยังอาร์เมเนีย ตุรกี อิหร่าน และเปอร์เซีย ปัจจุบัน แอปปริคอต ได้รับความนิยม และถูกปลูก ในหลายพื้นที่ทั่วโลก แอปปริคอตถูกนำไปใช้ ในการประกอบอาหาร และขนมหลากหลายประเภท และมีความสำคัญในอาหาร และวัฒนธรรมของหลายประเทศ
Apricot มีวิตามิน รวมถึงเส้นใยอาหาร และแร่ธาตุต่างๆ ซึ่งช่วยในการบำรุงสายตา รักษาสุขภาพผิวพรรณ และช่วยระบบย่อยอาหาร นอกจากนี้ แอปปริคอตยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ [1] ที่ช่วยป้องกันความเสียหายจากรังสี UV และลดความเสี่ยง ของโรคหัวใจและมะเร็ง แอปปริคอต 100 มี 48 kilocalories
ที่มา : 18 สรรพคุณและประโยชน์ของแอปริคอต [2]
แอปปริคอตมีรสชาติหวาน และเปรี้ยวเล็กน้อย สุกจะมีเนื้อที่นุ่มและหอม ให้รสชาติที่เข้มข้น และละมุนละไม เหมาะอย่างยิ่ง สำหรับการทานเป็นผลไม้สด หรือนำไปแปรรูป แอปปริคอตสด นำเข้าจากตุรกี มีราคาอยู่ที่ 350 บาทต่อ 1 pack [3]
แอปปริคอตสามารถนำมาทาน ได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการทานสดๆ เพื่อรับรสชาติหวาน และความกรุบกรอบ หรือนำไปแปรรูป ผลไม้อบแห้ง เยลลี่ แยม หรือใช้ในการทำเบเกอรี่ และขนมอื่น
นอกจากนี้ ยังสามารถใช้เป็นส่วนผสม ในสลัดหรือเมนูอาหารคาว เช่น ไก่อบแอปปริคอต การทำเป็นแอปปริคอตแห้ง ก็เป็นที่นิยม เพราะสามารถเก็บรักษาไว้ได้นาน และใช้เป็นของว่าง หรือเพิ่มลงในซีเรียล และโยเกิร์ต
ในการเลือกซื้อแอปปริคอต ควรเลือกผลไม้ที่มีสีสันสวยงาม ไม่มีรอยช้ำ หรือรอยเน่า และมีกลิ่นหอม เมื่อซื้อแอปปริคอตสดมาแล้ว ควรรีบทานให้หมด เพื่อรักษารสชาติ และคุณค่าทางโภชนาการ ข้อควรระวังคือ ในบางคน อาจมีอาการแพ้น้ำมัน จากเมล็ดแอปปริคอต ดังนั้น ควรระวัง ไม่ให้เมล็ดติดมากับเนื้อเมื่อทาน
Apricot ผลรสชาติหวานหอม มีวิตามิน เส้นใยอาหาร และสารต้านอนุมูลอิสระ การนำมาใช้ในการทำอาหาร และขนมหลากหลายแบบ ช่วยเพิ่มรสชาติ กลิ่นหอมให้กับอาหาร และมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากขึ้นด้วย