Dragon Fruit หรือที่รู้จักในชื่อ แก้วมังกร เป็นผลไม้ในเขตร้อน ที่โดดเด่นด้วยเปลือกสีสันสดใส และเนื้อในที่มีเมล็ดเล็กๆกระจายในเนื้อ นับเป็นผลไม้ ที่ไม่เพียงแต่มีรสชาติเฉพาะตัว แต่ยังรวมมีคุณประโยชน์ทางโภชนาการที่ครบถ้วน เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย
Dragon Fruit หรือ แก้วมังกรเป็นผลไม้ของพืชสกุล Hylocereus และ Selenicereus ซึ่งเป็นสายพันธุ์ของพืชกระบองเพชร ที่เติบโตบนต้น ที่มีลักษณะเป็นเถาวัลย์ เปลือกนอกของผลไม้ มีสีแดงชมพู หรือเหลืองสดใส พร้อมด้วยเนื้อในสีขาว หรือแดงที่มีเมล็ดดำ
แก้วมังกรมีถิ่นกำเนิดในอเมริกากลาง แต่ได้รับการนำไปปลูก ในหลายพื้นที่ทั่วโลก ที่มีสภาพอากาศเหมาะสม รวมถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ไทยและเวียดนาม การปลูกผลไม้นี้ในเวียดนาม เริ่มต้นโดยชาวฝรั่งเศส และได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง เนื่องจากสีสัน และรสชาติที่โดดเด่น
แก้วมังกร ชอบสภาพอากาศอบอุ่น และแสงแดดจัด การปลูกมักทำในพื้นที่ ที่มีดินร่วนซุย และการระบายน้ำที่ดี เถาวัลย์ของพืชชนิดนี้ ต้องการการพยุง เพื่อช่วยในการเติบโต และการออกผล สภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง เหมาะสำหรับการเจริญเติบโต
แก้วมังกร อุดมไปด้วยวิตามิน ไฟเบอร์ และแร่ธาตุต่างๆ เช่น แมกนีเซียมและเหล็ก ช่วยในการบำรุงผิวพรรณ ช่วยระบบย่อยอาหาร และช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ มีผลดีต่อระบบภูมิคุ้มกัน และช่วยลดน้ำหนักแก้วมังกร 1 ลูก ประมาณ 170 gram ให้ Energy 102 kilocalories และอื่นๆ ดังนี้
ที่มา: แก้วมังกร ประโยชน์ที่ควรรับประทาน [1]
แก้วมังกร สามารถหาซื้อได้ใน Supermarket หรือตลาดผลไม้ทั่วไป โดยเฉพาะในช่วงฤดูกาล หรือตลาดเกษตรกรในพื้นที่ ที่มีการปลูก ยกตัวอย่างสถานที่ ตลาดต้นพะยอม Suthep Subdistrict, Mueang Chiang Mai District, Chiang Mai 50200 เวลาเปิด 6:00–19:00 [2]
แก้วมังกร สามารถรับประทานได้ โดยผ่าครึ่ง และใช้ช้อนตักเนื้อทานได้ทันที นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ในการทำ Smoothies เป็นส่วนผสมในสลัด เช่นสลัดผลไม้รวม โรยเมล็ด Pomegranate เป็นสีสัน หรือใช้ทำเครื่องดื่มผสม เช่น Cocktail และ mocktails
ราคาแก้วมังกร ตามตลาดทั่วไป
ที่มา: แก้วมังกร [3]
แก้วมังกรเป็นผลไม้ ที่มากด้วยคุณค่าทางโภชนาการ และมีสีสันที่น่าสนใจ ทำให้เป็นที่นิยม ในหลายประเทศทั่วโลก แก้วมังกรช่วยเสริมสร้างสุขภาพที่ดี และเพิ่มความหลากหลาย ในเมนูอาหาร