Goji berry หรือ เก๋ากี้ ไม่ใช่แค่ผลไม้ธรรมดา แต่เป็นสมบัติของธรรมชาติ ที่มีคุณค่าทางโภชนาการ และประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน มาดูกันว่าทำไมผลไม้เล็กๆนี้ ทำไมถึงถึงได้รับการยกย่องเป็น “ผลไม้แห่งความยืนยาว” ในหลายวัฒนธรรมทั่วโลก
เก๋ากี้ เป็นผลไม้ขนาดเล็กสีแดง ที่มาจากต้น Lycium barbarum และ Lycium chinense สองชนิดในตระกูล Solanaceae ซึ่งเป็นตระกูลเดียวกับ tomato และมันฝรั่ง เนื้อในของเก๋ากี้มีรสหวาน และเป็นที่นิยมในการนำมาทำอาหาร และเป็นส่วนผสม ในยาตามตำรับจีน
เก๋ากี้ มีต้นกำเนิดในเอเชีย โดยเฉพาะในจีน มองโกเลีย และชายฝั่งของเทือกเขาหิมาลัยในทิเบต ในประเทศจีน มีการบันทึกการใช้เก๋ากี้ เป็นส่วนหนึ่ง ของการรักษาด้วยสมุนไพร มายาวนานมากกว่า 2,000 ปี
การเพาะปลูก เก๋ากี้ มักพบในพื้นที่ ที่มีอากาศแห้ง และเย็นของเอเชีย เช่น ภูมิภาค Ningxia ในจีน ซึ่งเป็นที่รู้จักกันว่าเป็น “บ้านเกิด” ของเก๋ากี้ ที่มีคุณภาพสูง และส่งออกไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศได้ก็มักมีการนำเข้าเก๋ากี้ มาจากประเทศจีน
เก๋ากี้มีวิตามินและ Antioxidant มากมาย ที่ช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพของเซลล์ ทำให้เก๋ากี้มีบทบาทสำคัญในการบำรุงสายตา เสริมระบบภูมิคุ้มกัน และบำรุงผิวพรรณ เก๋ากี้ปริมาณ 100 กรัม จะให้พลังงาน 83 calories และอื่นๆ ดังนี้
ที่มา: Goji berry [1]
เก๋ากี้ สามารถหาซื้อได้ทั่วไป ในรูปแบบแห้ง ที่ร้านขายสินค้าเพื่อสุขภาพ Supermarket และออนไลน์ มักมีทั้งในรูปแบบผลไม้แห้ง และเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น ชา น้ำผลไม้ หรืออาหารเสริม ยกตัวอย่างสถานที่ที่หาซื้อเก๋ากี้ได้ ที่ร้าน Tops สาขาในจังหวัดเชียงใหม่
ยกตัวอย่างช่องทางออนไลน์ที่นิยม จาก Shopee
(ราคา ณ วันที่ 3/4/67)
ที่มา: โกจิเบอร์รี่ เก๋ากี้ [2]
เก๋ากี้ สามารถนำมาทานได้หลายวิธี ตั้งแต่ทานเป็นผลไม้แห้งเลย แช่ในน้ำร้อนเพื่อทำเป็นชา โรยซีเรียล หรือซุป เพื่อเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ และรสชาติให้กับอาหาร หรือที่มาในรูปแบบอาหารเสริม เป็นเครื่องดื่มแบบชง เพื่อบำรุงสายตา
(ราคา ณ วันที่ 3/4/67)
ที่มา: ผงน้ำโกจิ [3]
เก๋ากี้เป็นผลไม้ ที่ไม่เพียงแต่อุดมไปด้วยประโยชน์ ทางโภชนาการ แต่ยังมีประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมที่น่าสนใจ การบริโภคเก๋ากี้ เป็นวิธีที่ดี ในการเพิ่มสารอาหารสำคัญ เข้าไปในอาหารประจำวัน