Kiwi หรือ กีวี เป็นผลไม้ที่โดดเด่น ทั้งในเรื่องรูปลักษณ์ และคุณค่าทางโภชนาการ มีรสชาติที่ลงตัวระหว่างความหวานและเปรี้ยว ด้วยเนื้อสีเขียว หรือเหลือง ที่อุดมไปด้วยวิตามิน และแร่ธาตุ กีวีไม่เพียงแต่เป็นที่ชื่นชอบในการทานเล่น แต่ยังเป็นส่วนประกอบ ในอาหาร หลากหลายรูปแบบ
Kiwi หรือ กีวี เป็นผลไม้ที่มีเปลือกนอกมีขนสีน้ำตาล และเนื้อในสีเขียว หรือสีทอง มีเมล็ดดำอยู่ช่วงแกนกลาง ชื่อวิทยาศาสตร์คือ Actinidia deliciosa (สำหรับกีวีสีเขียว) และ Actinidia chinensis (สำหรับกีวีสีทอง) ซึ่งจัดอยู่ในสกุล Actinidia
Kiwi มีต้นกำเนิด ในแถบตะวันออกของ China และเดิมทีถูกเรียกว่า “ลูกแพร์เสี้ยว” ผลไม้ชนิดนี้ ได้รับการนำไปยัง New Zealand ในต้นศตวรรษที่ 20 และได้รับการปลูกเพื่อการค้าในนาม กีวี ตามชื่อนกที่ไม่สามารถบินของ New Zealand ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ ที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน
Kiwi ปลูกได้ดีในพื้นที่ที่มีอากาศหนาวเย็น ถึงอบอุ่น ต้องการน้ำอย่างต่อเนื่อง และดินที่ระบายน้ำได้ดี ปัจจุบันมีการปลูก กีวี อย่างแพร่หลายใน New Zealand, Italy, Chile, และ Greece รวมถึงในส่วนต่างๆ ของUnited States of America เช่น California และ Washington
Kiwi อุดมไปด้วยวิตามิน C สูงเป็นพิเศษ ผลไม้ชนิดนี้ ช่วยในการบำรุงผิวพรรณ เสริมระบบภูมิคุ้มกัน และยังช่วยในการย่อยอาหารได้ดี เนื่องจากมี Enzyme ที่เรียกว่า Actinidin คุณค่าทางโภชนาการ ของ กีวี สีเขียว ปริมาณ 100 กรัม มี Energy 61 kilocalories และปริมาณสารอาหารอื่นๆ ดังนี้
ที่มา: กีวี ประโยชน์และข้อควรระวังในการบริโภค [1]
Kiwi สามารถหาซื้อได้ทั่วไปใน Supermarket ทั่วโลก มีจำหน่ายทั้งในรูปแบบผลไม้สด และแช่แข็ง นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์จาก กีวี เช่น น้ำผลไม้ และแยม
ยกตัวอย่างสถานที่ แหล่งที่หาซื้อกีวีได้ทั่วไปที่ Tops Market ตลาด 89 Plaza Chiang Mai ตั้งอยู่ที่ 26/46 Village No. 3, Nong Hoi Subdistrict, Mueang Chiang Mai District Chiang Mai Province เวลาเปิด 08:00-21:00 น. phone number 081-714-2355 [2]
Kiwi เป็นผลไม้ ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง และมีประโยชน์มากมาย การรวมกีวีเข้ากับอาหารประจำวัน ไม่เพียงช่วยเพิ่มรสชาติ และสีสัน ให้กับจานอาหารเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ร่างกาย ได้รับวิตามิน และแร่ธาตุที่จำเป็น กีวี เป็นตัวเลือกผลไม้ ที่ยอดเยี่ยมสำหรับทุกคน ที่ต้องการรักษาสุขภาพ ให้ดียิ่งขึ้น