Lettuce หรือ ผักกาดหอม เป็นผักที่มีความนิยมมาก ในอาหารทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นสลัด หรือแซนด์วิช ผักกาดหอมให้ความสดชื่น และรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ อีกทั้งยังมีคุณค่าทางโภชนาการสูง ในบทความนี้ เราจะพาไปรู้จักกับผักกาดหอม ตั้งแต่การเพาะปลูก ประวัติ ที่มา ประโยชน์ รวมถึงข้อแนะนำ
การเพาะปลูก ผักกาดหอม สามารถทำได้ในหลายภูมิภาคทั่วโลก แต่จะเจริญเติบโตได้ดีที่สุด ในสภาพอากาศเย็น และมีความชื้นสูง การปลูกผักกาดหอม มักทำในพื้นที่ที่มีดินร่วนซุย และมีการระบายน้ำดี ในประเทศไทย ผักกาดหอมมักปลูกในภาคเหนือ และภาคกลาง โดยเฉพาะในฤดูหนาว ที่มีอากาศเย็นเหมาะสม
มีข้อมูลว่าปริมาณการผลิต ผักกาดหอมทั่วโลก มากที่สุดมาจากประเทศจีน ซึ่งมีปริมาณการผลิต ประมาณ 6.25 ล้านตัน ต่อปี ประเทศอื่น ที่มีการผลิตมากคือ บราซิล, ฝรั่งเศส, อินเดีย, อิตาลี, ญี่ปุ่น, เม็กซิโก, สเปน และสหรัฐอเมริกา [1]
ผักกาดหอม (Lactuca sativa) เป็นผักที่มีใบเขียว และกรอบ มีหลายสายพันธุ์ ที่มีลักษณะแตกต่างกันไป ผักกาดหอมอยู่ในตระกูล Asteraceae หรือ Compositae ซึ่งเป็นตระกูลเดียวกับ Butterhead ผักกาดหอมถือเป็นผักที่ปลูก และบริโภคได้ง่าย และสามารถนำมาปรุงอาหาร ได้หลากหลาย
ผักกาดหอม มีประวัติยาวนาน ที่มีการเพาะปลูก มาตั้งแต่สมัยโบราณ ในอดีตถูกปลูกในอียิปต์โบราณ และแพร่หลายไปยังยุโรป และเอเชีย ผักกาดหอมเป็นพืชที่เจริญเติบโตได้ดี ในสภาพอากาศที่หลากหลาย จึงได้รับความนิยมแพร่หลายไปทั่วโลก ปัจจุบันเป็นผัก ที่นิยมใช้ในเมนูอาหารสุขภาพ และสลัดต่าง ๆ
ผักกาดหอม มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ประกอบด้วยวิตามินเอ วิตามินซี และวิตามินเค รวมถึงแร่ธาตุต่าง ๆ เช่น Folate และโพแทสเซียม ผักกาดหอมช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน บำรุงสายตา และช่วยในการย่อยอาหาร นอกจากนี้ ยังมีปริมาณแคลอรีต่ำ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก
จากข้อมูลของแหล่งข้อมูลที่ 1 ระบุไว้ว่า ผักกาดหอมในปริมาณต่อ 100 กรัม ให้พลังงานเพียง 14 kcal
ที่มา: FoodData Central [2]
จากข้อมูลของแหล่งข้อมูลที่ 2 ระบุไว้ว่า ผักกาดหอมในปริมาณต่อ 100 กรัม ให้พลังงานเพียง 27 kcal
ที่มา: พลั