Pineapple หรือที่รู้จักกันในชื่อ สับปะรด เป็นผลไม้ที่โดดเด่น ทั้งในเรื่องรสชาติ และคุณประโยชน์ทางโภชนาการ มีส่วนผสมที่ลงตัวของความหวานและเปรี้ยว ทำให้เป็นที่ชื่นชอบในหลายๆคนทั่วโลก และสามารถใช้ในการปรุงอาหารหลากหลายรูปแบบ ทั้งคาวหวาน
Pineapple เป็นผลไม้ Tropical ที่มีลักษณะเป็นผลกลมหรือรี เปลือกนอกหนามีลักษณะคล้ายกระเบื้องครอบทับกัน ภายในมีเนื้อสีเหลืองทอง มีรสชาติหวานและเปรี้ยว เป็นที่นิยมในการทำอาหาร และเครื่องดื่มหลากหลาย
Pineapple มีถิ่นกำเนิดในอเมริกาใต้ โดยเชื่อว่ามาจากพื้นที่ระหว่าง Brazil และ Paraguay ชาวยุโรปค้นพบสับปะรด ในช่วงการสำรวจของโคลัมบัส และได้นำพืชชนิดนี้กลับไปยังยุโรป ต่อมา ได้แพร่กระจายไปทั่วโลก ในพื้นที่ที่มีสภาพอากาศอบอุ่น เหมาะสำหรับการเจริญเติบโตของสับปะรด
Pineapple ปลูกได้ดีในดินที่มีการระบายน้ำดี และอุดมสมบูรณ์ ต้องการแดดเต็มที่ และสภาพอากาศอบอุ่น ไม่ทนต่อความหนาวเย็น ปัจจุบันปลูกกันอย่างแพร่หลายในประเทศไทย ฟิลิปปินส์ บราซิล และฮาวาย ซึ่งเป็นผู้ผลิตสำคัญ
Pineapple อุดมไปด้วยวิตามิน C, วิตามิน A, ไฟเบอร์, โพแทสเซียม และยังมี Bromelain enzyme ที่ช่วยย่อยโปรตีน ช่วยในการย่อยอาหาร และลดการอักเสบ นอกจากนี้ ยังมีการศึกษาที่ชี้ว่าสับปะรดมีสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยป้องกันโรคหัวใจและมะเร็ง สับปะรด ปริมาณ 100 gram ให้ energy ประมาณ 50 kilocalories
ที่มา: สับปะรด คุณค่าทางโภชนาการ [1]
Pineapple มีจำหน่ายในทั่วไป เช่น ตลาดสด และผ่าน online platform สามารถซื้อได้ทั้งในรูปแบบสด และแปรรูป เช่น น้ำ สับปะรด หรือสับปะรดกระป๋อง ยกตัวอย่างสถานที่ซื้อตลาดศิริวัฒนา หรือที่เรียกติดปากว่า “กาดธานินทร์” ที่อยู่ 169 ถ.ราชภาคินัย ตำบลช้างเผือก Chang Phueak Subdistrict, Mueang Chiang Mai [2]
Pineapple สามารถรับประทานได้โดยปอกเปลือก และหั่นเป็นชิ้น นิยมใช้ในการทำสลัดผลไม้ น้ำผลไม้ เช่น Kiwi Pineapple Smoothie หรือเพิ่มเป็นส่วนผสมในเมนูอาหารต่างๆ เช่น พิซซ่าหรือเครื่องดื่มค็อกเทล ยกตัวอย่างสายพันธุ์ที่นิยม และราคา
ที่มา: สับปะรด [3]
Pineapple เป็นผลไม้ที่มีความสำคัญ ทั้งในด้านรสชาติ และคุณประโยชน์ทางโภชนาการ การเพิ่มสับปะรดในอาหารประจำวัน ไม่เพียงแต่ช่วยเสริมสร้างรสชาติอาหาร แต่ยังช่วยให้ร่างกายได้รับวิตามิน และแร่ธาตุที่จำเป็น ทำให้ สับปะรด เป็นผลไม้ที่ควรมีอยู่ในตู้เย็นของทุกบ้าน