Pistachio หรือ พิสตาชิโอ เป็นหนึ่งในถั่ว ที่ได้รับความนิยมสูง ทั้งในด้านรสชาติ และคุณประโยชน์ต่อสุขภาพ ถั่วพิสตาชิโอมีเอกลักษณ์ ด้วยเปลือกนอก ที่แตกเปิดออก เมื่อผลสุก เผยให้เห็นเนื้อถั่วสีเขียว ที่มีรสหวานหอม
Pistachio เป็นผลไม้เปลือกแข็ง ที่มาจากต้น พิสตาชิโอ ซึ่งเป็นหนึ่งในตระกูล Anacardiaceae ที่รวมถึงพืชอื่นๆ เช่น poison ivy, poison oak และ Mango ผลไม้เหล่านี้ ส่วนใหญ่มักมีเปลือกนอกที่แข็ง และในส่วนที่เป็นเนื้อถั่ว จะมีเปลือกบางๆ หุ้มเมล็ด
Pistachio มีถิ่นกำเนิดในตะวันออกกลาง และเอเชียกลาง และมีหลักฐานที่บ่งชี้ว่า ถูกนำมาใช้ในการปรุงอาหาร และเป็นของว่าง มานานหลายพันปี ถั่วพิสตาชิโอ ได้รับความนิยมในอิหร่าน, ตุรกี, และอัฟกานิสถาน ก่อนที่จะแพร่กระจาย ไปยังส่วนอื่นๆ ของโลก
การเพาะปลูก พิสตาชิโอ ต้องการสภาพอากาศ ที่มีฤดูหนาวเย็น หรือฤดูร้อนร้อนที่แล้ง เหมาะสมกับการปลูกในแคลิฟอร์เนีย, อิตาลี, และตะวันออกกลาง โดยอิหร่าน เป็นประเทศผู้ส่งออก พิสตาชิโอรายใหญ่ที่สุดในโลก
ในปีการตลาด 2022-2023 การผลิตถั่วพิสตาชิโอ มีจำนวนประมาณ 747.31 พันตันทั่วโลก ในปี 2564 ประเทศตุรกี มีพื้นที่ปลูกถั่วพิสตาชิ 390,000 เฮกตาร์ [1]
พิสตาชิโอ มีโปรตีนสูง ไขมันดีต่อสุขภาพ และไฟเบอร์ มีวิตามินและแร่ธาตุเช่น โพแทสเซียม แมกนีเซียม และวิตามิน B6 มีประโยชน์ ในการลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ ควบคุมน้ำหนัก และช่วยการย่อยอาหาร พิสตาชิโอ ปริมาณ 100 gram Energy 571 kilocalories
ที่มา: ถั่วพิสตาชิโอ [2]
พิสตาชิโอ สามารถหาซื้อได้ที่ supermarket ร้านขายอาหารสุขภาพหรือ online มักจะมีทั้งแบบมีเปลือก และแบบปอกเปลือก ยกตัวอย่าง ร้านค้า online shop.tonggarden จำหน่ายพิสตาชิโอ อบเกลือ ปริมาณ 140 กรัม ราคา 145 บาท [3]
ทาน Pistachio เป็นของว่าง พิสตาชิโอที่คั่ว และโรยเกลือ ให้มีความเค็มนิดๆ เป็นของว่างยอดนิยม สามารถเพิ่มในอาหาร เช่น ใส่ในสลัด หรืออาหารจานหลัก เพื่อเพิ่มรสชาติ และคุณค่าทางโภชนาการ นอกจากนี้ ยังใช้ในการทำขนม เช่น ใส่ใน cookies หรือ cake
Pistachio ไม่เพียงแต่เป็นอาหารที่อร่อยเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์มากมาย ที่ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง สามารถนำพิสตาชิโอมารับประทาน เพื่อสุขภาพที่ดี ทั้งในรูปแบบของว่าง หรือเป็นส่วนหนึ่ง ของมื้ออาหารได้