ผลเสียวิตามินB2 หรือ Riboflavin ผลข้างเคียง

ผลเสียวิตามินB2

ผลเสียวิตามินB2 หรือที่เรียกว่าไรโบฟลาวิน เป็นวิตามินชนิดหนึ่ง ที่มีบทบาทสำคัญในกระบวนการเผาผลาญอาหาร การผลิตพลังงาน และการบำรุงสุขภาพผิวหนังและตา แม้ว่าการขาดไรโบฟลาวินจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ แต่การได้รับไรโบฟลาวินมากเกินไป ก็อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงเช่นกัน

ผลเสียวิตามินB2 หรือ Riboflavin คืออะไร

วิตามินบี2 หรือที่รู้จักกันในชื่อ ไรโบฟลาวิน (Riboflavin) เป็นหนึ่งในกลุ่มวิตามิน B ที่ละลายในน้ำ มีบทบาทสำคัญในกระบวนการต่างๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะการสร้างพลังงาน และการบำรุงสุขภาพของเซลล์

วิตามินนี้จำเป็นต่อกระบวนการ Metabolism ของคาร์โบไฮเดรต ไขมัน และโปรตีน และยังช่วยบำรุงสุขภาพของผิวหนัง ดวงตา และระบบประสาทด้วย

ผลเสียวิตามินB2 อันตรายการได้รับไรโบฟลาวินมาก

  • การสะสมในร่างกาย เนื่องจากไรโบฟลาวิน เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ ร่างกายจะขับวิตามินส่วนเกินออกมาทางปัสสาวะ อย่างไรก็ตาม หากมีการบริโภคไรโบฟลาวิน ในปริมาณมากเป็นเวลานาน การสะสมในร่างกายอาจเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะที่ไม่พึงประสงค์ได้ เช่นปัสสาวะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองสด
  • อาการทางระบบย่อยอาหาร การบริโภคไรโบฟลาวินในปริมาณที่สูงเกินไป อาจก่อให้เกิดอาการที่เกี่ยวข้องกับระบบย่อยอาหาร เช่นคลื่นไส้ อาเจียน หรืออาการท้องเสียได้ แม้อาการเหล่านี้จะไม่รุนแรง แต่มันอาจเป็นสัญญาณ ของการบริโภควิตามิน ในปริมาณที่เกินความจำเป็น
  • ความผิดปกติทางผิวหนัง ในบางกรณี การบริโภคไรโบฟลาวินมากเกินไป อาจก่อให้เกิดปัญหาทางผิวหนังเช่นเดียวกับ ผลเสียวิตามินB6  และ ผลเสียวิตามินB5 โดยจะมีอาการการระคายเคืองหรือผื่น แม้ว่าจะไม่เกิดขึ้นกับทุกคน แต่บางคนอาจมีความไวต่อการบริโภควิตามิน ที่เกินขนาด
  • การดูดซึมวิตามินและแร่ธาตุอื่นๆ การได้รับไรโบฟลาวิน ในปริมาณที่มากเกิน อาจมีผลกระทบ ต่อการดูดซึมวิตามิน และแร่ธาตุอื่นๆ เช่นการลดประสิทธิภาพของวิตามิน B3 หรือการลดการดูดซึมธาตุเหล็ก ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะขาดแคลนวิตามิน และแร่ธาตุเหล่านี้ ในระยะยาว
  • อาการปวดหัว มีรายงานว่าการบริโภคไรโบฟลาวิน ในปริมาณมากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการปวดหัว ซึ่งอาจเกิดจากการที่ร่างกาย พยายามกำจัดวิตามินที่เกิน

ที่มา: Vitamin B2 Benefits [1]

ผลเสียวิตามินB2 ไรโบฟลาวินปริมาณต่อวัน

สำหรับปริมาณ ไรโบฟลาวิน ที่แนะนำต่อวัน มีดังนี้

  • ผู้ชายวัยผู้ใหญ่: 1.4 – 1.8 มิลลิกรัมต่อวัน
  • ผู้หญิงวัยผู้ใหญ่: 1.2 – 1.3 มิลลิกรัมต่อวัน
  • หญิงตั้งครรภ์: 1.6 มิลลิกรัม
  • หญิงให้นมบุตร: 1.7 – 1.8 มิลลิกรัม

ที่มา: Riboflavin [2]

 

ผลเสียวิตามินB2 อาหารที่มีไรโบฟลาวินและปริมาณ

ผลเสียวิตามินB2

อาหารที่มีไรโบฟลาวินสูงมีหลายชนิด นี่คือบางตัวอย่าง พร้อมปริมาณวิตามินB2 ที่มีอยู่

  • ชีส: 100 กรัม มีวิตามินB2 1.38 mg.
  • ตับวัว: 3 ออนซ์ มีวิตามินB2 2.9 mg.
  • นม: 1 ถ้วย มีวิตามินบี2 ประมาณ 0.45 mg.
  • ไข่: 1 ฟองใหญ่ มีไรโบฟลาวินประมาณ 0.228 milligram
  • ปลาหมึก: 100 กรัม มีไรโบฟลาวินประมาณ 0.46 milligram
  • เนื้อหมู (สันนอก): 100 กรัม มีวิตามินไรโบฟลาวิน 0.51 milligram

ที่มา: 14 ชนิดของอาหารที่มีวิตามินบี 2 สูง [3]

 

ผลเสียวิตามินB2 ผู้ที่ไม่ควรทานไรโบฟลาวินเสริม

ผู้ที่ไม่ควรทานไรโบฟลาวินเสริม โดยไม่ปรึกษาแพทย์ มีดังนี้

  • ผู้ที่แพ้ไรโบฟลาวิน หากมีการแพ้ไรโบฟลาวิน การรับประทานเสริม อาจทำให้เกิดปฏิกิริยาแพ้ เช่นผื่นขึ้น อาการคัน หรือมีอาการแพ้รุนแรง
  • ผู้ที่เป็นโรคไต ผู้ป่วยโรคไต โดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะการทำงานของไตบกพร่อง อาจต้องระวังการรับประทานไรโบฟลาวิน เสริมในปริมาณมาก เนื่องจากร่างกาย อาจไม่สามารถขับวิตามินส่วนเกิน ออกทางปัสสาวะได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ผู้ที่ใช้ยาบางชนิด ผู้ที่กำลังใช้ยารักษาโรคบางชนิด เช่นยากันชัก ยารักษาโรคหัวใจ หรือยาปฏิชีวนะบางชนิด ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานวิตามินเสริม เนื่องจากไรโบฟลาวิน อาจมีปฏิกิริยาต่อยาเหล่านี้
  • ผู้ที่มีภาวะเกินของวิตามิน หากมีการบริโภคไรโบฟลาวิน ในปริมาณที่มากเกินความต้องการ จากแหล่งอาหารในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องทานเสริม เนื่องจากอาจเสี่ยงต่ออาการข้างเคียง เช่นปัสสาวะสีเหลืองสด หรือคลื่นไส้
  • หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร แม้ว่าไรโบฟลาวิน จะเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับหญิงตั้งครรภ์ และให้นมบุตร แต่การรับประทานวิตามินเสริม ควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ เพื่อให้แน่ใจว่าได้รับในปริมาณที่เหมาะสม
  •  

ผลเสียวิตามินB2 และด้านประโยชน์ไรโบฟลาวิน

  • ช่วยในการเผาผลาญอาหาร ไรโบฟลาวินมีบทบาทสำคัญ ในการเปลี่ยนคาร์โบไฮเดรต ไขมัน และโปรตีนให้เป็นพลังงาน ที่ร่างกายสามารถใช้ได้ ช่วยเสริมสร้างกระบวนการเผาผลาญอาหารให้เป็นปกติ และช่วยเพิ่มพลังงานในชีวิตประจำวัน
  • บำรุงสุขภาพผิวหนัง และเส้นผม ไรโบฟลาวินช่วยบำรุงผิวหนังให้มีสุขภาพดี ลดความเสี่ยงจากการเกิดปัญหาผิวหนัง เช่นริมฝีปากแห้ง หรือผิวแตก นอกจากนี้ ยังส่งผลดีต่อสุขภาพเส้นผม ช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผม
  • บำรุงสุขภาพดวงตา ไรโบฟลาวินมีความสำคัญ ในการรักษาสุขภาพดวงตา ช่วยลดความเสี่ยง ในการเกิดโรคต้อกระจก และโรคทางสายตาอื่นๆ ทำให้การมองเห็นชัดเจนขึ้น
  • สนับสนุนการเจริญเติบโต และการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ ไรโบฟลาวินมีบทบาทในการสร้าง และซ่อมแซมเนื้อเยื่อต่างๆในร่างกาย รวมถึงเซลล์ผิวหนัง และเซลล์ประสาท ซึ่งมีความสำคัญ ในกระบวนการเจริญเติบโต และการฟื้นตัวจากการบาดเจ็บ
  • ส่งเสริมการทำงาน ของระบบประสาท ไรโบฟลาวิน ช่วยเสริมการทำงานของระบบประสาท โดยมีบทบาทในการรักษาสมดุล ของระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้ร่างกายสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ต้านอนุมูลอิสระ ไรโบฟลาวินมีคุณสมบัติ ในการช่วยลดความเสี่ยง จากการทำลายของอนุมูลอิสระในร่างกาย ซึ่งช่วยป้องกันความเสื่อมของเซลล์ และลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรังต่างๆ เช่นโรคหัวใจและมะเร็ง
  • ช่วยในการผลิตฮอร์โมน ไรโบฟลาวินมีส่วนช่วยในการผลิตฮอร์โมนบางชนิดที่สำคัญ เช่นฮอร์โมนไทรอยด์
  • ส่งเสริมสุขภาพเม็ดเลือดแดง ไรโบฟลาวิน ช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง ช่วยให้ร่างกายได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ ทำให้ระบบต่างๆในร่างกาย ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สรุป ผลเสียวิตามินB2 ปริมาณมากอาจเกิดผลข้างเคียง

ไรโบฟลาวิน เป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย แต่การได้รับในปริมาณมากเกินไป ก็อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ได้ การบริโภคอาหารที่หลากหลายและสมดุล ยังคงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ในการรักษาสุขภาพ และป้องกันการได้รับสารอาหารใดๆ ในปริมาณที่มากเกินไป

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง

217