
ผลเสียวิตามินD จากวิตามินดีมากเกินขนาด
- Fiona
- 48 views

ผลเสียวิตามินD วิตามินดีเป็นสารอาหารที่สำคัญ ต่อการทำงานของร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการช่วยดูดซึมแคลเซียม เพื่อเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง อย่างไรก็ตาม การได้รับวิตามินดีเกินความจำเป็น อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพหลายประการ ซึ่งอาจเกิดจากการเสริมวิตามินเกินขนาด การได้รับวิตามินดีในปริมาณที่เหมาะสม จึงมีความสำคัญ
ผลเสียวิตามินD วิตามินดีคืออะไร สำคัญอย่างไร
วิตามินดีเป็นวิตามินที่สำคัญ ต่อการทำงานของร่างกาย โดยเฉพาะการดูดซึมแคลเซียม และฟอสฟอรัส ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างกระดูก และฟันที่แข็งแรง นอกจากนี้ ยังช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน และควบคุมระดับแคลเซียมในเลือด ร่างกายสามารถสร้างวิตามินดีได้เอง เมื่อผิวหนังสัมผัสกับแสงแดด และยังสามารถได้รับจากอาหารบางชนิด [1]
ผลเสีย วิตามินD อันตราย วิตามินดีเกินขนาด
- ภาวะแคลเซียมในเลือดสูงเกินไป (Hypercalcemia): การได้รับวิตามินดีมากเกินไป อาจทำให้ระดับแคลเซียมในเลือดสูง ส่งผลให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ท้องผูก ปวดหัว ปัสสาวะบ่อย และอ่อนเพลีย ถ้าปล่อยไว้อาจทำให้เกิดนิ่วในไต หรือไตวายได้
- ปัญหาเกี่ยวกับไต: การสะสมแคลเซียมมากเกินไปในเลือด สามารถทำให้เกิดการก่อตัวของนิ่วในไต และถ้าไม่ได้รับการรักษา อาจนำไปสู่ภาวะไตวายได้ เป็นอาการที่คล้ายกับ ผลเสียวิตามินB1
- ปัญหาหัวใจและหลอดเลือด: การได้รับวิตามินดี เกินความจำเป็น สามารถทำให้เกิดการสะสมของแคลเซียมในหลอดเลือดแดง ซึ่งอาจนำไปสู่การแข็งตัว ของหลอดเลือด และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ และหลอดเลือด
- การสะสมแคลเซียมในเนื้อเยื่ออ่อน: การได้รับวิตามินดีมากเกินไป ทำให้แคลเซียมสะสมในเนื้อเยื่ออ่อน เช่นกล้ามเนื้อและผิวหนัง ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการอักเสบ หรือความเสียหายต่อเนื้อเยื่อนั้นๆ
- เบื่ออาหารและน้ำหนักลด: การบริโภควิตามินดี ในปริมาณมากอาจทำให้รู้สึกเบื่ออาหาร และน้ำหนักลดลงอย่างไม่เหมาะสม
ที่มา: Nutrition and healthy eating [2]
ผลเสีย วิตามินD วิตามินD ปริมาณที่ควรได้รับ
ปริมาณวิตามินดี ที่แนะนำให้ได้รับต่อวัน ขึ้นอยู่กับอายุของแต่ละคน
- เด็กอายุ 0-12 เดือน: 400 IU (10 ไมโครกรัม)
- เด็กอายุ 1-13 ปี: 600 IU (15 ไมโครกรัม)
- วัยรุ่นอายุ 14-18 ปี: 600 IU (15 ไมโครกรัม)
- ผู้ใหญ่ 19-70 ปี: 600 IU (15 ไมโครกรัม)
- ผู้สูงอายุ 71 ปีขึ้นไป: 800 IU (20 ไมโครกรัม)
วิตามินดีมีความสำคัญ ต่อการดูดซึมแคลเซียม และการสร้างกระดูกที่แข็งแรง นอกจากนี้ ยังมีบทบาทในการสนับสนุนระบบภูมิคุ้มกัน และการทำงานของกล้ามเนื้อ [3]
ผลเสียวิตามินD อาหารที่มีวิตามินดีสูง พร้อมปริมาณ

อาหารที่มีวิตามินดีสูง และปริมาณวิตามินดี ที่มีอยู่ในอาหารเหล่านั้นมี ดังนี้
- น้ำมันตับปลา: 1 ช้อนชาวิตามินดีประมาณ 440 IU
- ปลาเทราท์: 3 ออนซ์มีวิตามินดี ประมาณ 646 IU
- ปลาแซลมอน: 3 ออนซ์ มีวิตามินดีประมาณ 400 IU
- ปลาทู: 3 ออนซ์วิตามินดีประมาณ 400 IU
- นมสด: 1 ถ้วยวิตามินดีประมาณ 98 IU
ผลเสียวิตามินD ใครที่ไม่ควรทานวิตามินดีเสริม
- ผู้ที่มีระดับแคลเซียมในเลือดสูง (Hypercalcemia): วิตามินดีทำให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมมากขึ้น หากมีแคลเซียมในเลือดสูงอยู่แล้ว อาจเกิดปัญหาต่อสุขภาพได้
- ผู้ที่เป็นโรคไต: วิตามินดีอาจทำให้แคลเซียมสะสมในไต ทำให้เกิดนิ่วในไตหรือไตวายได้
- ผู้ที่มีภาวะไวต่อวิตามินดี (Vitamin D sensitivity): บางคนอาจมีภาวะไวต่อวิตามินดี ทำให้เกิดภาวะแคลเซียมสูงในเลือด แม้จะได้รับปริมาณวิตามินดีเพียงเล็กน้อย
- ผู้ที่รับประทานยาบางชนิด: เช่นยาขับปัสสาวะ และยาต้านการชัก ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทานวิตามินดีเสริม เพราะอาจมีผลข้างเคียงได้
ผลเสียวิตามินD ด้านประโยชน์ของวิตามินดี
- ช่วยดูดซึมแคลเซียม: วิตามินดีช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมจากอาหารได้ดีขึ้น ซึ่งสำคัญต่อการสร้างกระดูก และฟันที่แข็งแรง
- เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน: วิตามินดีช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน และลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ ในระบบทางเดินหายใจ
- ช่วยลดความเสี่ยงโรคกระดูกพรุน: โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ การได้รับวิตามินดีอย่างเพียงพอ ช่วยลดโอกาสของกระดูกเปราะ หรือแตกหักได้ง่าย
- ปรับสมดุลฮอร์โมน: วิตามินดียังมีส่วนช่วย ในการควบคุมระดับฮอร์โมน ที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโต และการทำงานของระบบต่างๆในร่างกาย
สรุป ผลเสียวิตามินD เกินขนาด อาจก่อเกิดปัญหาสุขภาพ
วิตามินดีมีบทบาทสำคัญ ในการเสริมสร้างกระดูก และฟันที่แข็งแรง รวมถึงช่วยในการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน อย่างไรก็ตาม การได้รับวิตามินดีเกินขนาด อาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพ เช่นภาวะแคลเซียมในเลือดสูง ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาทางไต และระบบหัวใจและหลอดเลือด ผู้ที่มีระดับแคลเซียมในเลือดสูง ผู้ที่เป็นโรคไต หรือผู้ที่รับประทานยาบางชนิด ควรปรึกษาแพทย์ ก่อนทานวิตามินดีเสริม เพื่อความปลอดภัย
- Tags: สุขภาพ


