กีวี่ เป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมาก ซึ่งมีผลคล้ายไข่ เนื้อเป็นสีเขียว รสหวานอมเปรี้ยว แถมยังมีแคลอรี่ต่ำ น้ำตาลน้อย มีสารอาหารเยอะ อาทิเช่น วิตามิน และแร่ธาตุหลายชนิด
ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกัน ทำงานมีประสิทธิภาพ ป้องกันการเกิดมะเร็ง ช่วยปรับปรุงระบบทางเดินอาหาร ช่วยส่งเสริมสุขภาพหัวใจ
กีวี่ และมีชื่อวิทยาศาสตร์ Actinidia chinensis [1] ที่มีแหล่งค้นพบในจีน หลังจากนั้น ได้มีทำการผสมผสาน สายพันธุ์ขึ้นมาใหม่ ทำให้ผลชนิดนี้ มีรสชาติดีมากขึ้น สำหรับประเทศของเรานั้น มีการนำเข้ามาปลูกเมื่อปี 1976 โดยปลูกมากที่ จ.เชียงใหม่ ดอยอ่างขาง และดอยขุนวาง
จัดเป็นผลไม้อันดับต้นๆ ของผลไม้ลดความน้ำหนัก เพราะมีไฟเบอร์สูง ที่ทำให้อิ่มเร็วและนาน สำหรับคนที่มักรับประทาน อาหารระหว่างวันเป็นประจำหรือหิวบ่อย ผลไม้ชนิดนี้สามารถช่วยได้
คงมีใครสงสัยอยู่ว่า รับประทานเข้าไปนานๆ มันจะไม่อ้วนไหม ก็ต้องบอกว่าไม่อ้วนเพราะผลไม้ชนิดนี้น้ำหนัก 60 กรัม จะให้พลังงานเพียง 25 แคลอรีเท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยมาก
ผลไม้ดังกล่าว มาพร้อมด้วยวิตามิน และแร่ธาตุหลายชนิด ได้แก่ วิตามินเอ ซี อี เค บี แถมยังมี แมงกานีส เหล็ก โซเดียม สังกะสี แคลเซียม เป็นต้น โดยจัดเป็นผลไม้ที่มีวิตามินสูงมาก เพราะการรับประทาน กีวี่ เพียง 1 ลูก (100 กรัม)
จะทำให้ท่านได้รับ วิตามินซีมากถึง 155 ของปริมาณที่ร่างกาย ควรได้รับในแต่ละวัน นอกจากนี้ ยังเต็มไปด้วยโอเมก้าสาม ซึ่งเป็นกรดไขมัน ที่จำเป็นอย่างมากให้แก่ร่างกาย เพราะร่างกายของคนเรา ไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้นั่นเอง
เพียงนำผลมาหั่นครึ่ง แล้วตักเนื้อกินได้เลย หรือจะทำให้สวยน่ากินยิ่งขึ้น ต้องใช้อีกวิธีที่ง่ายเหมือนกัน นั่นก็คือ นำมาหั่นหัวหั่นท้ายออก เมื่อได้เนื้อมาก็นำมาสไลซ์เป็นแผ่น เป็นอันเสร็จ
สำหรับวิธีดูว่าผลไม้ดังกล่าว พร้อมที่จะรับประทานได้แล้ว คือการดูผลของจะเริ่มนุ่ม ซึ่งท่านก็สามารถกินได้เลย และซื้อมาแล้ว ก็อย่าลืมเก็บไว้ในตู้เย็น ถ้าหากไม่อยากให้ผลสุกมากกว่า ก็แค่เก็บไว้ในตู้เย็นได้โดยสามารถเก็บไว้ได้นานถึง 1-2 สัปดาห์เลยทีเดียว
กีวี่ ผลไม้เป็นอาหารที่ขาดไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง หรือฤดูหนาว ผลไม้ไม่เพียงแต่สามารถเติมน้ำ ให้ร่างกายท่านั้น แต่ยังให้วิตามิน แร่ธาตุ และสารอาหารอื่นๆ อีกด้วย ให้สอดคล้องกับ การบริโภคผลไม้ดังกล่าว ในปริมาณที่กำหนด