ต้นมะขาม (Tamarind) ต้นไม้มงคล ผู้คนเกรงขาม

ต้นมะขาม

ต้นมะขาม ที่ใครๆ ก็รู้จักกันดี ผลไม้ที่มีทั้งรสเปรี้ยว และรสหวาน ยังมีประโยชน์ต่อร่างกายอีกหลายอย่าง สามารถรับประทานได้ทั้งยอดอ่อน ผล หรือฝัก ทั้งทานสดๆ และแบบที่แปรรูป เช่น แช่อิ่ม กวน อบ สิ่งสำคัญคือ มีสรรพคุณทางยาต่างๆ ใช้นำมารักษาโรคได้มากมาย เหมือนผลไม้ธรรมดา แต่บอกได้เลยว่าน่าสนใจมาก

ข้อมูลทั่วไป ต้นมะขาม

ชื่อ: มะขาม
ชื่อวิทยาศาสตร์: Tamarindus indica L.
ชื่อสามัญ: Indian date, Tamarind
ชื่ออื่น: ตะลูบ ม่องโคล้ง มอดเล ส่ามอเกล หมากแกง อำเปียล
วงศ์: FABACEAE
ต้นไม้ประจำจังหวัด: เพชรบูรณ์

ที่มา: ข้อมูลทั่วไป [1]

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ต้นมะขาม

มะขาม
  • ลำต้น เป็นไม้ยืนต้น ขนาดใหญ่ มีลำต้นเดี่ยว ลำต้นมีลักษณะกลมๆ ลำต้นแข็งและเหนียว เปลือกต้นแข็ง มีร่องแตกลึก มีสีน้ำตาล ต้นเป็นทรงสูงโปร่ง
  • ใบ ใบประกอบแบบขนนก ใบย่อย 10 – 20 คู่ รูปขอบขนานหรือรูปใบหอกเบี้ยว กว้าง 0.3 – 0.9 ซม. ยาว 0.8 – 3 ซม. ปลายเป็นติ่งแหลม โคนมน ขอบเรียบ
  • ดอก ช่อดอกแบบช่อกระจะ ออกตามซอกใบและปลายกิ่ง ดอกสีเหลืองหรือสีส้ม มีลายจุดสีแดง กลีบดอก 5 กลีบ ขนาดไม่เท่ากัน เกสรเพศผู้ที่สมบูรณ์ 3 เกสร รังไข่อยู่เหนือวงกลีบ มีขน
  • ผล มีผลเป็นฝัก มีลักษณะกลมทรงตรง หรือโค้งงอ เปลือกผลดิบมีสีเขียว เปลือกผลสุกจะมีสีน้ำตาล เปลือกจะเปราะบางแตกง่าย ข้างในจะมีเนื้อสีน้ำตาล แยกตัวจากฝัก มีเมล็ดอยู่ข้างในเนื้อ มีรสชาติหวาน หรือเปรี้ยวตามสายพันธุ์
  • เมล็ด จะอยู่ภายในฝัก เมล็ดมีลักษณะรูปกลมแบนรี มีสีน้ำตาลเข้ม มีเปลือกลื่นหุ้มอยู่ ข้างในมีร่องแบ่งออกสองซีกมีสีขาว

คุณค่าทางโภชนาการของ มะขาม

มะขามดิบ 100 กรัม ให้คุณค่าทางโภชนาการ ดังนี้

  • พลังงาน 239 กิโล
  • แคลอรี
  • ไขมัน 0.6 กรัม
  • เส้นใย 5.1 กรัม
  • โปรตีน 2.8 กรัม
  • น้ำตาล 57.4 กรัม
  • คาร์โบไฮเดรต 62.5 กรัม
  • วิตามินเค 2.8 ไมโครกรัม
  • วิตามินอี 0.1 มิลลิกรัม
  • วิตามินซี 3.5 มิลลิกรัม
  • แคลเซียม 74 มิลลิกรัม
  • ธาตุเหล็ก 2.8 มิลลิกรัม
  • ฟอสฟอรัส 113 มิลลิกรัม
  • โคลีน 8.6 มิลลิกรัม
  • สังกะสี 0.1 มิลลิกรัม
  • โซเดียม 28 มิลลิกรัม

ที่มา: คุณค่าทางโภชนาการ [2]

การขยายพันธุ์ ต้นมะขาม และการปลูก

การขยายพันธุ์: โดยใช้วิธีการเพาะเมล็ด และการตอนกิ่ง เสียบยอด

  1. วิธีการเพาะเมล็ด การเพาะในถุงเพาะชำ จะนำถุงพลาสติก มาใส่ดินร่วนปนทราย แล้วจะนำเมล็ดประมาณ 1 เมล็ด มาใส่ฝังลงดินกลบจนมิด แล้วจัดวางไว้ในที่ร่ม ที่มีแสงแดดรำไร แล้วรดน้ำทุกวัน อย่าให้แฉะจนเกินไป เมื่อเมล็ดงอกจึงนำลงปลูกในแปลง
  2. วิธีการการตอนกิ่ง เสียบยอด โดยเลือกกิ่งที่ไม่อ่อน และไม่แก่เกินไป แล้วนำมาตอนกิ่งให้มีรากงอกออก แล้วจากนั้นนำลงปลูกในแปลง

ใช้ระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 8 เมตร และระยะห่างระหว่างแถวประมาณ 10 เมตร

วิธีการดูแล ต้นมะขาม

มะขาม เป็นไม้ยืนต้นที่ทน และไม่ต้องการการดูแลมากมาย ควรรดน้ำประมาณ 3 – 5 วัน/ครั้ง เมื่อต้นมะขามมีอายุมากกว่า 1 ปีขึ้นไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้น้ำต่อไปก็ได้ เพราะรากจะหาน้ำใต้ดินได้เอง ยกเว้นในช่วงเดือนมีนาคม – เมษายน ที่ดินมีสภาพแห้งจัด

เมื่อต้นมะขามมีอายุประมาณ 3 – 5 ปี ก็จะเริ่มติดดอก ควรรดน้ำอย่างสม่ำเสมอ ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป จนกว่าฝักจะเริ่มแก่เป็นสีน้ำตาลจึงหยุดให้น้ำ และจะกลับมาให้น้ำอีกครั้งหนึ่งหลังจากทำการเก็บเกี่ยวผลผลิตและรอจนกว่าผลิใบออกมาใหม่แล้ว ในช่วงให้ผลผลิตนี้ ให้ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 12-12-24 ในอัตราต้นละ 100-200 กรัม โดยแบ่งใส่เป็น 2 ครั้ง ครั้งแรกใส่ก่อนหรือเมื่อเริ่มติดผล และใส่อีกครั้งเมื่อเริ่มแตกใบใหม่ [3]

ต้นไม้มงคล ที่ควรปลูกไว้ ทิศตะวันตก ของบ้าน

ตามตำราพรหมชาติฉบับหลวง กล่าวไว้ว่า ต้นมะขาม เป็นไม้มงคลชนิดหนึ่ง ตามความเชื่อ ปลูกไว้เพื่อป้องกันสิ่งไม่ดี ผีร้ายมิให้มากล้ำกราย อีกทั้งต้นมะขามยังเป็นต้นไม้ ที่มีชื่อนามเป็นมงคล ถือกันเป็นเคล็ดว่า บ้านใดได้บุตร บุตรจะได้เป็นใหญ่เป็นโต เป็นเจ้าคนนายคน จะทำให้มีแต่คนเกรงขาม และมีอำนาจบารมี

ตำแหน่งที่เหมาะกับการปลูก ของต้นมะขาม ต้นไม้มงคลนั้น ควรปลูกไว้ทาง ทิศตะวันตก (ประจิม) ของบ้าน เช่นเดียวกับ ต้นประดู่ เป็นต้น

ประโยชน์จาก ต้นมะขาม

  • ลำต้น เปลือกจากลำต้น ช่วยลดไข้, และรักษาอาการท้องเดิน, ส่วนแก่นจากลำต้น รักษาฝีในมดลูก, และขับโลหิต, ช่วยชักมดลูกให้เข้าอู่เร็ว ลำต้นหลังจากโค่นนำมาเผา เป็นถ่านใช้หุงต้มได้
  • ใบ ใบมะขามอ่อน นำมาปรุงอาหาร, ส่วนใบแก่ นำมาต้มแล้วพักให้เย็นแล้วนำมาอาบ, ช่วยดูแลผิวพรรณ และรักษาผดผื่นคันตามร่างกาย, ใช้เป็นยาระบาย ยาถ่าย และขับลมในลำไส้ได้
  • ผล มะขามมีวิตามินซีสูง นำมารับประทานสดได้ทั้งมะขามเปรี้ยว และมะขามหวาน ป้องกันการเป็นหวัด, รักษาโรคลักปิดลักเปิด, โรคเลือดออกตามไรฟัน, ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ, ละลายเสมหะ, มะขามสามารถนำมาทำเป็นครีมใช้ขัดหน้าขัดผิวได้, ช่วยผลัดเซลล์ผิว จะทำให้รอยดำด้านต่างๆ จางลง ผิวพรรณสดใส สามารถนำมะขาม มาขัดฟันได้ ฟันจะเหลืองน้อยลง สำหรับผู้ที่ดื่มเครื่องดื่ม ที่ทำให้ฟันเหลือง
  • ราก รักษาโรคผิวหนัง เช่น เริม งูสวัด และช่วยสมานแผล
  • ดอก ช่วยลดความดันโลหิตสูง

ต้นมะขาม มีสรรพคุณทางยาสมุนไพร รักษาสารพัดโรค

  • ทำให้ผิวพรรณทั้งผิวหน้า และผิวกาย บำรุงผิวพรรณให้เนียนนุ่ม ลดการเกิดริ้วรอยแห่งวัย และช่วยชะลอความแก่
  • มีสรรพคุณเป็นยาระบาย และช่วยลดความร้อนในร่างกาย เพียงกินมะขามสุก 3-4 ฝัก ดื่มน้ำอุ่นตามเยอะๆ จะช่วยได้, ช่วยลดอุณหภูมิในร่างกาย, แก้อาการตัวร้อน และเป็นไข้
  • สรรพคุณด้านความงาม นำมาใช้ขัดตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย ซึ่งจะช่วยให้รอยคล้ำลดลง ทำให้ผิวหนังชุ่มชื่นได้ตลอดวัน, ใช้พอกหน้า เพื่อกำจัดเซลล์เก่าที่ตายแล้ว ให้หลุดออก
  • มีฤทธิ์ช่วยลดคอเลสเตอรอลให้อยู่ในระดับปกติ, ลดความดันให้เป็นปกติ และลดระดับ ของน้ำตาลในเลือด
  • ใช้เป็นยาขับปัสสาวะ ช่วยยับยั้งการเกิดนิ่ว ในระบบทางเดินปัสสาวะ และยังช่วยขับพยาธิ
  • มีคุณสมบัติช่วยให้การขับถ่ายเป็นปกติแล้วยังช่วยดักจับไขมันจากอาหาร ยับยั้งการสร้างไขมัน ไม่ให้ไปสะสมตามอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย
  • ช่วยให้กระดูก และฟันแข็งแรง นอกจากนี้ก็มีสรรพคุณ ใช้รักษาอาการเหงือกบวม ฟันผุ และโรคเลือดออกตามไรฟัน
  • ช่วยรักษาโรคหวัด, คัดจมูก, แก้ไอ, ขับเสมหะ, ละลายเสมหะ
  • ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง, บำรุงเลือด และฟอกเลือดได้
  • ช่วยบำรุงสายตา, บำรุงผิวพรรณ และลดความเสี่ยง ต่อการเกิดมะเร็ง
  • ธาตุฟอสฟอรัสในมะขาม ช่วยในการเจริญเติบโต และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ทำให้กล้ามเนื้อมีความยืดหยุ่นขึ้น
  • มีฤทธิ์ในการสมานแผล, รักษาแผลสด และสามารถช่วยถอนพิษได้

ที่มา: สรรพคุณของมะขาม [4]

 

สรุป ต้นมะขาม ต้นไม้มงคล สารพัดสรรพคุณ มากมายคุณค่า

มะขาม

สรุป สรรพคุณของ ต้นมะขาม ไม่ได้มีแค่เส้นใยอาหาร แต่มีสารสำคัญหลายชนิด ที่มีประสิทธิภาพ ยับยั้งการสร้างไขมันในร่างกาย ลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี และลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีมาก สำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนัก ก็ไม่ควรพลาดสรรพคุณดีๆ จากมะขามกันนะคะ

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน
Picture of OTP
OTP

แหล่งอ้างอิง

149