ผลเสียวิตามินD จากวิตามินดีมากเกินขนาด

ผลเสียวิตามินD

ผลเสียวิตามินD วิตามินดีเป็นสารอาหารที่สำคัญ ต่อการทำงานของร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการช่วยดูดซึมแคลเซียม เพื่อเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง อย่างไรก็ตาม การได้รับวิตามินดีเกินความจำเป็น อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพหลายประการ ซึ่งอาจเกิดจากการเสริมวิตามินเกินขนาด การได้รับวิตามินดีในปริมาณที่เหมาะสม จึงมีความสำคัญ

ผลเสียวิตามินD วิตามินดีคืออะไร สำคัญอย่างไร

วิตามินดีเป็นวิตามินที่สำคัญ ต่อการทำงานของร่างกาย โดยเฉพาะการดูดซึมแคลเซียม และฟอสฟอรัส ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างกระดูก และฟันที่แข็งแรง นอกจากนี้ ยังช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน และควบคุมระดับแคลเซียมในเลือด ร่างกายสามารถสร้างวิตามินดีได้เอง เมื่อผิวหนังสัมผัสกับแสงแดด และยังสามารถได้รับจากอาหารบางชนิด [1]

ผลเสีย วิตามินD อันตราย วิตามินดีเกินขนาด

  • ภาวะแคลเซียมในเลือดสูงเกินไป (Hypercalcemia): การได้รับวิตามินดีมากเกินไป อาจทำให้ระดับแคลเซียมในเลือดสูง ส่งผลให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ท้องผูก ปวดหัว ปัสสาวะบ่อย และอ่อนเพลีย ถ้าปล่อยไว้อาจทำให้เกิดนิ่วในไต หรือไตวายได้
  • ปัญหาเกี่ยวกับไต: การสะสมแคลเซียมมากเกินไปในเลือด สามารถทำให้เกิดการก่อตัวของนิ่วในไต และถ้าไม่ได้รับการรักษา อาจนำไปสู่ภาวะไตวายได้ เป็นอาการที่คล้ายกับ ผลเสียวิตามินB1 
  • ปัญหาหัวใจและหลอดเลือด: การได้รับวิตามินดี เกินความจำเป็น สามารถทำให้เกิดการสะสมของแคลเซียมในหลอดเลือดแดง ซึ่งอาจนำไปสู่การแข็งตัว ของหลอดเลือด และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ และหลอดเลือด
  • การสะสมแคลเซียมในเนื้อเยื่ออ่อน: การได้รับวิตามินดีมากเกินไป ทำให้แคลเซียมสะสมในเนื้อเยื่ออ่อน เช่นกล้ามเนื้อและผิวหนัง ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการอักเสบ หรือความเสียหายต่อเนื้อเยื่อนั้นๆ
  • เบื่ออาหารและน้ำหนักลด: การบริโภควิตามินดี ในปริมาณมากอาจทำให้รู้สึกเบื่ออาหาร และน้ำหนักลดลงอย่างไม่เหมาะสม

ที่มา: Nutrition and healthy eating [2]

 

ผลเสีย วิตามินD วิตามินD ปริมาณที่ควรได้รับ

ปริมาณวิตามินดี ที่แนะนำให้ได้รับต่อวัน ขึ้นอยู่กับอายุของแต่ละคน

  • เด็กอายุ 0-12 เดือน: 400 IU (10 ไมโครกรัม)
  • เด็กอายุ 1-13 ปี: 600 IU (15 ไมโครกรัม)
  • วัยรุ่นอายุ 14-18 ปี: 600 IU (15 ไมโครกรัม)
  • ผู้ใหญ่ 19-70 ปี: 600 IU (15 ไมโครกรัม)
  • ผู้สูงอายุ 71 ปีขึ้นไป: 800 IU (20 ไมโครกรัม)

วิตามินดีมีความสำคัญ ต่อการดูดซึมแคลเซียม และการสร้างกระดูกที่แข็งแรง นอกจากนี้ ยังมีบทบาทในการสนับสนุนระบบภูมิคุ้มกัน และการทำงานของกล้ามเนื้อ [3]

ผลเสียวิตามินD อาหารที่มีวิตามินดีสูง พร้อมปริมาณ

ผลเสียวิตามินD

อาหารที่มีวิตามินดีสูง และปริมาณวิตามินดี ที่มีอยู่ในอาหารเหล่านั้นมี ดังนี้

  • น้ำมันตับปลา: 1 ช้อนชาวิตามินดีประมาณ 440 IU
  • ปลาเทราท์: 3 ออนซ์มีวิตามินดี ประมาณ 646 IU
  • ปลาแซลมอน: 3 ออนซ์ มีวิตามินดีประมาณ 400 IU
  • ปลาทู: 3 ออนซ์วิตามินดีประมาณ 400 IU
  • นมสด: 1 ถ้วยวิตามินดีประมาณ 98 IU

ผลเสียวิตามินD ใครที่ไม่ควรทานวิตามินดีเสริม

  • ผู้ที่มีระดับแคลเซียมในเลือดสูง (Hypercalcemia): วิตามินดีทำให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมมากขึ้น หากมีแคลเซียมในเลือดสูงอยู่แล้ว อาจเกิดปัญหาต่อสุขภาพได้
  • ผู้ที่เป็นโรคไต: วิตามินดีอาจทำให้แคลเซียมสะสมในไต ทำให้เกิดนิ่วในไตหรือไตวายได้
  • ผู้ที่มีภาวะไวต่อวิตามินดี (Vitamin D sensitivity): บางคนอาจมีภาวะไวต่อวิตามินดี ทำให้เกิดภาวะแคลเซียมสูงในเลือด แม้จะได้รับปริมาณวิตามินดีเพียงเล็กน้อย
  • ผู้ที่รับประทานยาบางชนิด: เช่นยาขับปัสสาวะ และยาต้านการชัก ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทานวิตามินดีเสริม เพราะอาจมีผลข้างเคียงได้

ผลเสียวิตามินD ด้านประโยชน์ของวิตามินดี

  • ช่วยดูดซึมแคลเซียม: วิตามินดีช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมจากอาหารได้ดีขึ้น ซึ่งสำคัญต่อการสร้างกระดูก และฟันที่แข็งแรง
  • เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน: วิตามินดีช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน และลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ ในระบบทางเดินหายใจ
  • ช่วยลดความเสี่ยงโรคกระดูกพรุน: โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ การได้รับวิตามินดีอย่างเพียงพอ ช่วยลดโอกาสของกระดูกเปราะ หรือแตกหักได้ง่าย
  • ปรับสมดุลฮอร์โมน: วิตามินดียังมีส่วนช่วย ในการควบคุมระดับฮอร์โมน ที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโต และการทำงานของระบบต่างๆในร่างกาย

สรุป ผลเสียวิตามินD เกินขนาด อาจก่อเกิดปัญหาสุขภาพ

วิตามินดีมีบทบาทสำคัญ ในการเสริมสร้างกระดูก และฟันที่แข็งแรง รวมถึงช่วยในการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน อย่างไรก็ตาม การได้รับวิตามินดีเกินขนาด อาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพ เช่นภาวะแคลเซียมในเลือดสูง ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาทางไต และระบบหัวใจและหลอดเลือด ผู้ที่มีระดับแคลเซียมในเลือดสูง ผู้ที่เป็นโรคไต หรือผู้ที่รับประทานยาบางชนิด ควรปรึกษาแพทย์ ก่อนทานวิตามินดีเสริม เพื่อความปลอดภัย

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง

44