ประวัติ มัมมี่ (Mummy) เจาะลึกพิธีกรรมโบราณ และความเชื่อ

มัมมี่

มัมมี่ เป็นพิธีกรรมการทำของกลุ่มคนไอยคุปต์ เป็นกลุ่มชาติที่มีความเกี่ยวข้องกับการทำพิธีนี้มานานกว่า 3,000 ปี วันนี้ทางผู้เขียน จะพาทุกท่านไปเจาะลึกเกี่ยวกับพิธีกรรม และความเชื่อ เกี่ยวกับกลุ่มคนในยุคอียิปต์โบราณ จากยุคที่รุ่งเรืองที่มีการประกอบพิธีกรรม ไปจนถึงช่วงสุดท้าย

รีวิว ยุคทองของการประกอบพิธีกรรม มัมมี่ ตามตำนานเล่าขาน

ซึ่งถ้าหากพูดถึงยุคที่รุ่งเรือง ในเรื่องของการประกอบพิธีกรรม มัมมี่ [1] หลายท่านอาจจะเข้าใจว่า ชาวอียิปต์ เป็นกลุ่มคนที่ริเริ่มทำพิธีกรรมนี้คนมา แต่เป็นความเชื่อที่อยู่ในวัฒนธรรมเก่าแก่ เกี่ยวกับโลกหลังความตาย ของหลากหลายดินแดน ได้แก่ วัฒนธรรมของชาวประมงโบราณ ที่อยู่ริมชายฝั่งเปรูและชิลี

มีการทำพิธีกรรมนี้มานานกว่า 3,000 ปีก่อนคริสตกาล รวมไปถึงโคลัมเบีย เอกวาดอร์ และบางแห่งในประเทศอินเดีย บนแผ่นดินของอเมริกา ซึ่งก็มีบางเผ่าที่มีการทำ มัมมี่ แต่ยุคที่รุ่งเรืองมากที่สุด เป็นยุคดินแดนอินคา สำหรับชาวอียิปต์โบราณ มีการพัฒนาการทำ Mummy มายาวนานถึง 2,800 ปี

จนถึงมาในปี ค.ศ. 640 การประกอบพิธีกรรมเหล่านี้สิ้นสุดลง พร้อมกับการล่มสลายของอาณาจักรอียิปต์ หลังถูกกลุ่มคนชาวอาหรับเข้ามายึดครองดินแดน ในช่วง 1,000-950 ปีก่อนคริสตกาล เรียกได้ว่าเป็นช่วงพัฒนาการสูงสุด ของเทคนิคและวิทยาการประกอบพิธีกรรม มัมมี่

เป็นช่วงที่หัวหน้านักบวชแห่งอามุน (Amun) มีอำนาจในการปกครอง เป็นยุคสมัยเดียวกับฝั่งอิสราเอล กำลังมีอิทธิพล และรุ่งเรืองเช่นกัน

ขั้นตอน การประกอบพิธีกรรม มัมมี่ ของชาวอียิปต์โบราณ

มัมมี่
  1. ทำการเกี่ยวนำเอาสมองออกมาทางรูจมูก
  2. เป็นการนำเอาอวัยวะภายในต่าง ๆ ได้แก่ ตับ ลำไส้ กระเพาะอาหาร และปอด ทำการแยกใส่ไหคาโนปิก ส่วนหัวใจนั้น จะเอาเก็บไว้ในร่างกายของศพเหมือนเดิม
  3. ทำการพอกร่างกายศพด้วยเกลือเนตรอน เป็นระยะเวลา 40 วัน เพื่อทำให้ศพแห้ง
  4. ใช้ผ้ามาพันเข้ากับศพ ซึ่งจะใช้ผ้าลินิน จากนั้นทำการสอดเครื่องรางเข้าไประหว่างชั้นผ้า ซึ่งบางข้อมูลบอกว่า จะใช้ผ้าพันมากถึง 7 รอบ
  5. ทำการปิดบังใบหน้าด้วยหน้ากาก แล้วนำศพใส่ลงไปในโลง ซึ่งจะวางซ้อนกัน 3 ชั้น และนำโลงไปวางในสุสาน พร้อมทรัพย์สมบัติของผู้ตาย มีความเชื่อกันว่า จะสามารถนำไปใช้กับโลกหน้า

ที่มา : วิธีทำมัมมี่ของชาวอียิปต์โบราณ [2]

ความเกี่ยวข้องของ มัมมี่ ที่ทำให้ทางการแพทย์รุ่งเรือง

ในช่วง 540 ปีก่อนคริสตกาล ปรากฏหลักฐาน บันทึกของนักประวัติศาสตร์ชาวกรีก เฮโรโตตุส ได้เล่าถึงวิธีการทำ Mummy ของชาวอียิปต์โบราณ ซึ่งเป็นยุคท้าย ๆ ของความนิยมพิธีกรรมนี้ มีการพัฒนาเทคนิคต่าง ๆ ที่ทำให้ผ่านยุครุ่งเรืองมาได้

จากบันทึกได้กล่าวเอาไว้ว่า วิธีการทำ มัมมี่ จะใช้เวลาทั้งหมด 70 วัน และมีวิธีการทำสามแบบ สามราคาที่แตกต่างกัน โดยรูปแบบการทำที่ดีที่สุด และมีราคาในการทำแพงที่สุด จะใช้เทคนิคการดูดเอาสมองของคนตาย ออกมาทางจมูก และใช้มีดที่ทำจากหินเหล็กไฟ กรีดข้างลำตัว เพื่อนำเอาอวัยวะภายในออกมา

หลังจากนั้นจะทำการชำระช่องท้อง เพื่อทำความสะอาดด้วยเหล้าไวน์ ที่หมักจากปาล์ม ก่อนจะนำศพไปตากแห้ง และถ้าหากย้อนกลับไปพันปีก่อนคริสตกาล ในยุคที่วิธีการทำ มัมมี่ รุ่งเรือง รูปแบบการทำที่ดีนั้น จะต้องมีวัสดุประเภทขี้เลื่อย โคลน ผ้าลินิน ยัดเข้าไปแทนอวัยวะที่ดึงออกมา

จารึกประวัติศาสตร์ บนผ้าที่พันกับศพแห้ง

มัมมี่

ซึ่งผ้าที่นำมาผันตัวศพนั้น มีความยาวกว่า 100 เมตร เป็นขนาดที่ใช้กับ มัมมี่ หนึ่งร่าง โดยจะใช้ผ้าลินิน นำไปชุบกับน้ำยางเหนียวเรชิน เพื่อให้การห่อผ้าชิดสนิทกับร่าง และผ้าพันศพชั้นนอกสุด เป็นผ้าที่ถูกเคลือบด้วยขี้ผึ้ง และใช้เจลาตินเป็นตัวยึดให้ติดกันแบบสนิท

และที่สำคัญ ผ้าลินินที่นำมาพันร่างศพ จะมีการซื้อมาจากวิหารของเทพเจ้า ตามความเชื่อบอกว่า เป็นผ้าที่ศักดิ์สิทธิ์ ช่วยปกครองให้ร่างกายศพนั้น นอนหลับอย่างสงบ ปราศจากสิ่งชั่วร้ายมารบกวน และการพันผ้าถึง 7 รอบ ตามความเชื่อของชาวอียิปต์ เป็นตัวเลขมงคลของผู้คนในยุคสมัยนั้น

สรุป มัมมี่

อย่างไรก็ตาม วิธีการทำของพิธีกรรมโบราณนี้ ทำให้เห็นถึงการพัฒนาทางด้านการแพทย์ ตั้งแต่ยุคสมัยอดีต มาจนถึงปัจจุบัน เกี่ยวกับการรักษาศพไม่ให้เน่าเปื่อย และเพื่อให้ศพมีสภาพที่สมบูรณ์ จนกว่าจะฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งเป็นความเชื่อของกลุ่มคนในยุคสมัยนั้น

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง

529