
ส้ม มีโทษหรือไม่ สำรวจข้อมูลสำคัญทางโภชนาการ
- OTP
- 12 views

ส้ม มีโทษหรือไม่ ส้มเป็นผลไม้ที่หลายคนหลงรัก ด้วยรสเปรี้ยวหวานสดชื่นและวิตามินซีที่อัดแน่น แต่รู้หรือไม่ว่า หากบริโภคมากเกินไปหรือในบางภาวะสุขภาพ อาจเกิดผลข้างเคียงได้ บทความนี้จะพาคุณสำรวจ “ด้านที่ไม่สดใส” ของส้ม ทั้งผลต่อระบบย่อย กรดไหลย้อน และภาวะแพ้ เพื่อให้คุณกินส้มอย่างมั่นใจ ได้ประโยชน์เต็มที่ โดยไม่เสี่ยงต่อสุขภาพในระยะยาว
- ข้อมูลพื้นฐานของส้ม และพัฒนาการของส้มกับเศรษฐกิจ
- ข้อมูลโภชนาการของส้ม
- ส้มสายพันธุ์นิยมในประเทศไทย
- ประโยชน์ และโทษจากการบริโภคส้ม
ข้อมูลพื้นฐานของส้ม
- ชื่อสามัญ: ส้ม (Orange)
- ชื่อวิทยาศาสตร์: Citrus spp. (เช่น C. sinensis, C. reticulata)
- วงศ์: Rutaceae
- ถิ่นกำเนิด: เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะจีน อินเดีย และไทย2
- ลักษณะทั่วไป: เป็นไม้พุ่มหรือไม้ต้นขนาดกลาง สูงประมาณ 2.5–7 เมตร ใบเดี่ยวมีต่อมน้ำมันหอมระเหย ดอกสีขาวมีกลิ่นหอม ผลมีเปลือกหนาและกลีบภายใน ผลมีรสเปรี้ยวหรือหวาน ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ เช่น ส้มเขียวหวาน ส้มเกลี้ยง ส้มจุก
ที่มา: ส้ม (16 กุมภาพันธ์ 2025) [1]
พัฒนาการของส้มกับเศรษฐกิจ
พ.ศ. 2500–2520: ยุคทองของส้มเขียวหวานบางมด ส้มเขียวหวานกลายเป็นผลไม้เศรษฐกิจหลักของภาคกลาง โดยเฉพาะในพื้นที่บางมดและนครนายก เกษตรกรจำนวนมากหันมาปลูกส้มแทนข้าวและพืชไร่ เพราะให้ผลตอบแทนสูง
พ.ศ. 2530–2540: การพัฒนาสายพันธุ์ “ส้มโชกุน” ส้มโชกุนเริ่มได้รับความนิยมจากผู้บริโภค เนื่องจากรสหวานจัด เนื้อแน่น และเปลือกบาง ส่งผลให้เกิดการขยายพื้นที่ปลูกในภาคเหนือและภาคกลาง โดยเฉพาะเชียงใหม่ และพิษณุโลก
พ.ศ. 2560–ปัจจุบัน: การปรับตัวสู่ตลาดพรีเมียมและส่งออก เกษตรกรเริ่มใช้เทคโนโลยี การปลูกแบบอินทรีย์และระบบ GAP (Good Agricultural Practice) ส้มไทยบางสายพันธุ์ เช่น โชกุนอินทรีย์ ถูกส่งออกไปยังตลาดญี่ปุ่นและจีน
ข้อมูลโภชนาการของส้ม (ต่อ 1 ผลขนาดกลาง ~140 กรัม)
- พลังงาน 60 kcal ให้พลังงานต่ำ เหมาะกับผู้ควบคุมน้ำหนัก
- คาร์โบไฮเดรต 15.4 g ให้พลังงานและน้ำตาลธรรมชาติ
- น้ำตาลธรรมชาติ 12 g เพิ่มความสดชื่น แต่ควรระวังในผู้ป่วยเบาหวาน
- ไฟเบอร์ 3 g ช่วยระบบขับถ่าย ลดคอเลสเตอรอล
- โปรตีน 1 g เสริมสร้างเซลล์และกล้ามเนื้อ
- โพแทสเซียม 237 mg ควบคุมความดันโลหิตและการทำงานของหัวใจ
- วิตามินซี 70 mg (78% DV) เสริมภูมิคุ้มกัน สร้างคอลลาเจน
- วิตามินเอ 14 µg บำรุงสายตาและผิวพรรณ
- แคลเซียม ~6% DV เสริมกระดูกและฟัน
- ฟลาโวนอยด์ / แคโรทีนอยด์ ปริมาณสูง ต้านอนุมูลอิสระ ลดการอักเสบ
ที่มา: ส้ม ข้อมูลทางโภชนาการและประโยชน์ต่อสุขภาพ (12 เมษายน 2020) [2]
ส้มสายพันธุ์นิยมในประเทศไทย
- ส้มเขียวหวาน: รสหวานอมเปรี้ยว เนื้อฉ่ำน้ำ ปอกง่าย มักนำมากินสด, คั้นน้ำ, ใช้ในขนม (พันธุ์บางมดและโชกุนเป็นที่นิยมสูง)
- ส้มโชกุน: (สายน้ำผึ้ง) เนื้อแน่น สีสวย รสหวานแหลม มักนำมากินสด, น้ำผลไม้, ส่งออก เป็นพันธุ์ลูกผสมจากส้มเขียวหวาน มีวิตามินซีสูง
- ส้มจี๊ด: ผลเล็ก รสเปรี้ยวแรง กลิ่นหอม มักนำมาปรุงอาหาร, ทำน้ำส้มจี๊ด, แช่อิ่ม ใช้แทนมะนาวในอาหารไทย เช่น น้ำพริก
- ส้มจีน: เปลือกหนา รสจัดจ้าน มักนำมากินสด, แปรรูปเป็นเปลือกส้มเค็ม นิยมใช้ในเทศกาลตรุษจีน มีสรรพคุณสมุนไพร
- ส้มเกลี้ยง: เปลือกหนา เนื้อฉ่ำ กลิ่นเฉพาะ มักนำมากินสด, ใช้ในสมุนไพร มีสารเพคตินสูง ช่วยลดน้ำตาลในเลือด
ที่มา: ส่องสายพันธุ์ ประโยชน์ ของส้มในไทย พันธุ์ไหนกินดี (28 ตุลาคม 2021) [3]
ประโยชน์ของส้ม
- เสริมภูมิคุ้มกัน ส้มมีวิตามินซีสูง (ประมาณ 70 มก. ต่อผลขนาดกลาง) ช่วยกระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาว ลดความเสี่ยงการติดเชื้อและอาการหวัด
- ต้านอนุมูลอิสระและชะลอวัย มีสารฟลาโวนอยด์และแคโรทีนอยด์ ช่วยปกป้องเซลล์จากการถูกทำลาย ส่งผลดีต่อผิวพรรณ ลดเลือนริ้วรอย และช่วยสร้างคอลลาเจน
- บำรุงหัวใจและหลอดเลือด โพแทสเซียมในส้มช่วยควบคุมความดันโลหิต วิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระช่วยลดคอเลสเตอรอลและลดความเสี่ยงโรคหัวใจ เช่นเดียวกับ มะม่วง มีโทษหรือไม่ ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระในมะม่วงสุก
- ช่วยระบบขับถ่าย ใยอาหารในส้มช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ ลดอาการท้องผูกและช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น
- ลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง การบริโภคส้มเป็นประจำอาจช่วยลดความเสี่ยงโรคเบาหวาน โรคไต และโรคหลอดเลือดสมอง มีงานวิจัยสนับสนุนว่าการกินส้มวันละผลช่วยลดความเสี่ยงจอประสาทตาเสื่อมในผู้สูงอายุ
หากกินส้มมากเกินไป มีโทษยังไง
- กรดไหลย้อนและแสบร้อนกลางอก ส้มมีกรดซิตริกสูง การทานมากเกินไปอาจกระตุ้นให้เกิดอาการกรดไหลย้อน โดยเฉพาะในผู้ที่มีประวัติโรคกระเพาะหรือกรดไหลย้อนอยู่แล้ว
- ปวดท้อง ท้องเสีย หรือท้องอืด เส้นใยอาหารในส้มช่วยระบบขับถ่าย แต่ถ้ามากเกินไปอาจทำให้ลำไส้ทำงานหนัก เกิดอาการปวดท้องหรือท้องเสียได้
- ฟันผุและเสียวฟันจากกรด กรดในส้มสามารถกัดกร่อนเคลือบฟัน ทำให้ฟันผุง่ายขึ้น และอาจทำให้เกิดอาการเสียวฟันเมื่อทานของเย็นหรือร้อน
- ระดับน้ำตาลในเลือดสูง แม้จะเป็นน้ำตาลธรรมชาติ แต่การบริโภคส้มจำนวนมาก โดยเฉพาะในรูปแบบน้ำส้มคั้น อาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งขึ้น โดยเฉพาะในผู้ที่เป็นเบาหวาน
สรุปแล้ว ส้ม มีโทษหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการกิน

โดยสรุป ส้ม มีโทษหรือไม่ แม้ส้มจะอุดมด้วยวิตามิน และสารต้านอนุมูลอิสระ แต่การบริโภคมากเกินไปอาจส่งผลเสีย เช่น กรดไหลย้อน ฟันผุ และระดับน้ำตาลในเลือดสูง การกินในปริมาณพอดี วันละ 1–2 ผล จะให้ประโยชน์สูงสุดโดยไม่กระทบสุขภาพ ส้มจึงเป็นผลไม้ที่ดีต่อร่างกาย หากรู้จัก “พอดี” และ “สมดุล” ในการบริโภค
ส้มมีวิตามินอะไรมากที่สุด?
ส้มมีวิตามินซีสูงที่สุด ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน และต้านอนุมูลอิสระ การกินวันละ 1 ผลสามารถครอบคลุมความต้องการวิตามินซีของร่างกายได้
การรับประทานส้มเป็นจำนวนมากเกินไปในแต่ละวันส่งผลอย่างไร?
การรับประทานส้ม เป็นจำนวนมากเกินไปในแต่ละวัน และต่อเนื่องเป็นเวลานาน อาจก่อพิษสะสมในตับและไต และทำให้ค่าไตสูงขึ้น จนอาจเกิดโรคนิ่วได้
- Tags: ผลไม้

แหล่งอ้างอิง


