Acerola Cherry หรือ อะเซโรลาเชอร์รี เป็นหนึ่งในผลไม้ที่มีวิตามิน C สูงมาก ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของสารอาหาร และประโยชน์มากมายที่มีต่อสุขภาพ อะเซโรลาเชอร์รีจึงได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ในหมู่ผู้ที่สนใจเรื่องการดูแลสุขภาพ และเสริม Vitamin C ให้กับร่างกาย
Acerola Cherry (Malpighia emarginata) เป็นผลไม้ขนาดเล็ก ที่มีสีแดงสดใส เมื่อสุกมีขนาดประมาณ 1-2 เซนติเมตรในเส้นผ่าศูนย์กลาง เป็นสมาชิกของวงศ์ Malpighiaceae มีลักษณะที่คล้าย Cherry แต่มีรสชาติที่อาจแตกต่างกันไป มีรสชาติที่หวานและเปรี้ยว ซึ่งทำให้มีความโดดเด่น
อะเซโรลาเชอร์รี มีต้นกำเนิดจากทวีปอเมริกา โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีสภาพอากาศร้อนและชื้น เช่น อเมริกากลางและแคริบเบียน ต้นอะเซโรลาเชอร์รี เป็นพืชที่ทนต่อภาวะแห้งแล้งได้ดี แต่ต้องการน้ำอย่างสม่ำเสมอเพื่อการเติบโตและการผลิตผลที่ดี
การเพาะปลูก อะเซโรลาเชอร์รี ส่วนใหญ่พบในพื้นที่ที่มีสภาพอากาศร้อน แต่สามารถปลูกได้ในหลายประเภทของดิน ต้องการแดดเต็มที่และดินที่มีการระบายน้ำดี ดินที่มีความเป็นกรดเล็กน้อยถึงกลาง (pH 5.5-6.5) นับว่าเหมาะสมที่สุด
อะเซโรลาเชอร์รี มีวิตามิน C ในปริมาณที่สูงมาก ทำให้มีประโยชน์ในการเสริมระบบภูมิคุ้มกัน นอกจากนี้ยังมีแร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพโดยรวม อะเซโรลาเชอร์รี ปริมาณ 100 กรัมให้ Energy 32 calories และสารอาหารอื่นๆ ดังนี้
ที่มา: 10 ประโยชน์ของอะเซโรลาเชอร์รี [1]
อะเซโรลาเชอร์รี สามารถหาซื้อได้จากตลาดสด หรือร้านค้าที่ขายผลไม้นำเข้า ซึ่งอาจจะหาซื้อได้ยากในบางช่วง นอกจากนี้ ยังมีในรูปแบบของผง หรือสารสกัดสำหรับเพิ่มในเครื่องดื่ม หรืออาหารเสริม ที่สามารถหาซื้อได้ง่ายทั่วไป เช่นในร้าน Watsons ยกตัวอย่างสาขาในจังหวัดเชียงใหม่
ที่: ตำแหน่งร้านวัตสัน [2]
ด้วยปริมาณวิตามิน C ที่สูง อะเซโรลาเชอร์รี ถูกนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหลายชนิด เช่นครีม Serum อาหารเสริมในรูปแบบเม็ด Capsule ที่ช่วยในการสร้างคอลลาเจน ลดริ้วรอย และป้องกันการทำลายของผิวหนังจากรังสี UV ยกตัวอย่างราคาของ สารสกัด อะเซโรลาเชอร์รี รูปแบบผง
ที่: สารสกัดอะเซโรลา [3]
Acerola Cherry เป็นแหล่งของวิตามิน C และสารอาหารที่มีคุณค่าสูง การบริโภคและการใช้งานในผลิตภัณฑ์ต่างๆ สามารถช่วยเสริมสร้างสุขภาพ และความงามได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ อะเซโรลาเชอร์รี เป็นผลไม้ที่ควรค่า แก่การนำมาทานในชีวิตประจำวัน