Celery หรือ เซเลอรี่ เป็นผักที่ใช้ในหลายๆอาหารทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นอาหารยุโรป หรือเอเชีย ด้วยรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ และคุณค่าทางโภชนาการที่สูง เซเลอรี่ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มรสชาติให้อาหาร แต่ยังช่วยในเรื่องสุขภาพอีกด้วย
เซเลอรี่ ปลูกได้ดีในพื้นที่ ที่มีอากาศเย็นถึงอบอุ่น ประเทศที่เหมาะ สำหรับการเพาะปลูกเซเลอรี่ รวมถึงแคนาดา, สหรัฐอเมริกา, อินเดีย, และประเทศในแถบยุโรป ผักชนิดนี้ ต้องการดินที่มีความชุ่มชื้นสูง และมีการระบายน้ำที่ดี
ข้อมูลเกี่ยวกับปริมาณ การเพาะปลูก และผลผลิตของเซเลอรี่ ทั่วโลกนั้น จากข้อมูล พบว่าในปี 2018 การผลิตเซเลอรี่ ในสหรัฐอเมริกามีปริมาณรวม 16.2 ล้าน cwt (hundredweight) และด้วยราคาเฉลี่ย $25.90 ต่อ cwt ทำให้มูลค่าการใช้เซเลอรี่ รวมเกือบ $421 ล้าน [1]
เซเลอรี่ เป็นพืชในวงศ์ Apiaceae หรือที่รู้จักกันในชื่อวงศ์ Umbelliferae ตัวอย่างของพืชในวงศ์นี้ เช่น Carrot Parsley เซเลอรี่มีลักษณะเป็นต้นสูง ที่มีก้านใบเขียวอ่อน ใบของเซเลอรี่แบน และมีเส้นใยสูง มักใช้ในการปรุงอาหาร เพื่อเพิ่มรสชาติ และเป็นส่วนประกอบในสลัด หรือนิยมนำมาทำเป็นเครื่องดื่ม เพื่อบำรุงสุขภาพ
เซเลอรี่ มีต้นกำเนิดจากยุโรป และแถบเมดิเตอร์เรเนียน และได้รับการใช้งาน มาตั้งแต่สมัยโบราณ ทั้งในการปรุงอาหาร และเป็นสมุนไพรทางการแพทย์ เซเลอรี่ถูกนำไปเผยแพร่ไปยังส่วนต่างๆ ของโลกโดยนักเดินเรือ และพ่อค้า จนกลายเป็นหนึ่งในผัก ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ในครัวเรือนทั่วโลก
เซเลอรี่ มีคุณสมบัติทางโภชนาการที่ดี โดยเฉพาะในการลดความดันโลหิต นอกจากนี้ ยังมีวิตามิน A, C และ K และเป็นแหล่งของไฟเบอร์ที่ดี ช่วยในระบบย่อยอาหาร และป้องกันการอักเสบ สำหรับเซเลอรี่ แหล่งข้อมูลที่ 1 ปริมาณ100 กรัม มีแคลอรี 16 kcal และสารอาหารอื่น ดังนี้
ที่มา: Celery [2]
สำหรับ เซเลอรี่ แหล่งข้อมูลที่ 1 ปริมาณ100 กรัม มีแคลอรี 17 kcal และสารอาหารอื่น ดังนี้
ที่มา: พลังงานและสารอาหาร [3]
เซเลอรี่ สามารถรับประทานได้ทั้งแบบสดๆ และปรุงสุก ใช้ในการทำน้ำซุป สลัด เครื่องดื่ม หรือแม้แต่นำมาจิ้มกับซอสต่างๆ เนื่องจากมีเส้นใยสูง การบริโภคเซเลอรี่สด เป็นวิธีที่ดีในการได้รับไฟเบอร์สูงสุด จากผักชนิดนี้
เซเลอรี่ ไม่เพียงแต่เป็นผัก ที่เติมเต็มรสชาติให้กับอาหารหลากหลายประเภท แต่ยังเป็นแหล่งของสารอาหาร ที่สำคัญ ที่ส่งเสริมสุขภาพให้ดีขึ้น ด้วยคุณสมบัติทางโภชนาการ และประโยชน์ที่หลากหลาย