Spinach หรือ ผักโขม เป็นหนึ่งในผักใบเขียว ที่ได้รับความนิยมอย่างสูง ทั้งในแง่ของคุณค่าทางโภชนาการ และความหลากหลายในการประกอบอาหาร เราจะพามาดูการเพาะปลูก ผลผลิต ประวัติความเป็นมา และประโยชน์ที่มากมาย ของผักโขมในบทความนี้กัน
จากข้อมูลพบว่า มีการเก็บเกี่ยว ผักโขม ประมาณ 56,200 เอเคอร์ ในสหรัฐอเมริกาในปี 2020 แคลิฟอร์เนียเป็นรัฐ ที่ผลิตผักโขมที่ใหญ่ที่สุด โดยมีการผลิตเกือบตลอดทั้งปี ในหุบเขาชายฝั่งทะเล คิดเป็นประมาณร้อยละ 65 ของพื้นที่ทั้งหมด ในการผลิตผักโขมสด
ผลผลิตเฉลี่ยในปี 2020 อยู่ที่ประมาณ 14,400 ปอนด์ ต่อเอเคอร์ สำหรับผักโขมสด และผักโขมแปรรูป ในปี 2559 มีการวางตลาดผักโขมสดจำนวน 5.57 ล้านปอนด์ ในรูปแบบแช่แข็ง และบรรจุกระป๋อง จำนวน 78,450 ตัน มูลค่าของพืชผักโขมสด อยู่ที่ประมาณ 281.8 ล้านเหรียญสหรัฐ [1]
ผักโขม เป็นผักใบเขียว มีลักษณะใบหนา และเรียบ มีสีเขียวเข้ม ถือเป็นหนึ่งในผัก ที่รวมอยู่ในตระกูล Amaranthaceae ซึ่งเป็นตระกูลเดียวกับ Beetroot และ Chervil
ผักโขมปลูกได้ดีในอากาศเย็น และต้องการแสงแดดปานกลาง ถึงสมบูรณ์ มักปลูกกันอย่างแพร่หลาย ในหลายภูมิภาคทั่วโลก เช่น ในแถบอเมริกาเหนือ, ยุโรป, และเอเชีย ฤดูกาลปลูกที่เหมาะสม คือในช่วงฤดูใบไม้ผลิ และฤดูใบไม้ร่วง เพราะอุณหภูมิที่ต่ำ ช่วยให้ใบมีความกรอบ และรสชาติดี
ผักโขม มีถิ่นกำเนิดใน Persia (Iran ในปัจจุบัน) ก่อนจะแพร่กระจายไปยังอินเดีย และต่อมาคือจีน ในยุคโบราณ ผักโขมเข้ามาในยุโรป ในศตวรรษที่ 12 ผ่านทางสเปน และกลายเป็นผักยอดนิยม ในหมู่ชนชั้นสูง
ผักโขมอุดมไปด้วยวิตามิน และเหล็ก นอกจากนี้ยังมีแคลเซียม และ Folic acid ทำให้เป็นผักที่ดีต่อสุขภาพตา, ผิวพรรณ, และระบบภูมิคุ้มกัน แคลอรีต่ำ แต่มีไฟเบอร์สูง ช่วยในเรื่องการย่อย และสุขภาพลำไส้ ผักโขมแหล่งข้อมูลที่ 1 ระบุว่า ผักโขมปริมาณ 100 กรัม มี Total energy 23 kilocalories
ที่มา: พลังงานและสารอาหารจาก ผักโขม [2]
แหล่งข้อมูลที่ 2 ระบุว่า ผักโขมปริมาณ 100 กรัม มี 23 kilocalories
ที่มา: ประโยชน์ของ ผักโขม [3]
Spinach เป็นผักใบเขียว ที่มีคุณค่าโภชนาการสูง และสามารถใช้ประกอบอาหารได้หลายแบบ ช่วยให้เพิ่มความหลากหลาย ในอาหารประจำวัน และเป็นทางเลือกที่ดี สำหรับการรับประทานอาหาร ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ