Tamarind หรือ มะขาม เป็นผลไม้ที่มีความเป็นเอกลักษณ์ และมีประวัติการใช้งานที่ยาวนาน ในหลายวัฒนธรรมทั่วโลก ไม่เพียงแค่ใช้เป็นส่วนประกอบ ในอาหารเท่านั้น แต่ยังใช้ในการแพทย์ และเครื่องดื่ม ความเป็นมา และประโยชน์ของมะขาม ทำให้เป็นหนึ่งในผลไม้ที่น่าสนใจ
Tamarind มีต้นกำเนิดในแอฟริกา ก่อนที่จะแพร่กระจายไปยังเอเชียใต้ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในอินเดีย ที่ถือว่าเป็นหนึ่งในพืช ที่มีการปลูกขึ้นตั้งแต่ยุคโบราณ มะขามได้รับความนิยม ในหมู่ชาวอินเดีย และชาวเอเชียมานานหลายศตวรรษ เนื่องจากให้รสชาติ ที่เป็นเอกลักษณ์ และประโยชน์ทางสุขภาพ
Tamarind มีรสชาติที่เปรี้ยว และหวาน ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ มะขามเปรี้ยวสามารถเพิ่มรสชาติ และความสดชื่นให้กับอาหาร และเครื่องดื่มได้หลายประเภท สามารถใช้ในการปรุงอาหาร คุณค่าทางโภชนาการ ของมะขามดิบต่อ 100 กรัม มีดังนี้
ที่มา : มะขาม สรรพคุณ [1]
Tamarind มีวิตามิน แร่ธาติ รวมถึงเส้นใยอาหารสูง ช่วยในการย่อยอาหาร และมีฤทธิ์เป็นยาระบายเบาๆ มะขามยังมีสรรพคุณในการบรรเทาอาการของโรค เกี่ยวกับการอักเสบ และช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด [2]
มะขามสุกหรือมะขามหวาน นิยมทานเป็นผลไม้ขอว่าง เป็นแหล่งอุดมไปด้วยสารอาหารหลายชนิด ซึ่งรวมถึงวิตามิน แร่ธาตุ และเส้นใยอาหาร ที่สำคัญสำหรับร่างกาย นี่คือรายละเอียดคุณค่าทางโภชนาการ ของมะขามสุกต่อปริมาณ 100 กรัม
มะขามถูกใช้ในการทำอาหารหลายประเภท เช่น ในเมนูของไทย หรือใช้ในการทำน้ำจิ้ม เครื่องดื่ม เช่น น้ำมะขาม และทานเล่น เช่น มะขามแช่อิ่ม มะขามพริกเกลือ มะขามคลุกน้ำตาล ความหลากหลายของการใช้มะขาม ในการปรุงอาหาร ทำให้เป็นวัตถุดิบ ที่สำคัญในครัว
มะขามเป็นผลไม้ที่ราคาไม่แพง สามารถหาซื้อได้ทั่วไป มะขามหวานสีทอง มีราคาประมาณ 65-110 บาท ต่อ 1 กิโลกรัม, มะขามหวานสีชมพูมีราคาประมาณ 65-100 บาท ต่อ 1 กิโลกรัม, ฝักมะขามอ่อน มีราคาประมาณ 80 บาท ต่อ 1 กิโลกรัม [3]
ในการบริโภคมะขาม ควรระมัดระวัง ในผู้ที่มีปัญหาด้านการย่อยอาหาร หรือมีประวัติการแพ้มะขาม นอกจากนี้ การบริโภคมะขามในปริมาณมาก อาจส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด และการทำงานของไต และหากทานมะขามที่มีรสเปรี้ยวมาก อาจทำให้ถ่ายท้องได้
Tamarind ไม่เพียงแต่ให้รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ ให้ความสดชื่นในอาหาร และเครื่องดื่มเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์มหาศาล ทางด้านสุขภาพ