ผักสีเขียว ประโยชน์ที่ดี สำคัญต่อสุขภาพ

ผักสีเขียว

ผักสีเขียว เป็นส่วนหนึ่งของอาหาร ที่มีประโยชน์อย่างมาก ต่อร่างกายมนุษย์ การบริโภคผักสีเขียวอย่างสม่ำเสมอ สามารถช่วยให้ร่างกาย ได้รับสารอาหารที่จำเป็น ในการทำงาน อย่างเต็มประสิทธิภาพ ในบทความนี้ เราจะมาทำความรู้จัก กับผักสีเขียวชนิดต่างๆ และประโยชน์ ที่เราสามารถได้รับ จากผักสีเขียวเหล่านี้

ผักสีเขียว คุณประโยชน์ที่ดี ของผักสีเขียว

  • แหล่งวิตามินและแร่ธาตุ ผักสีเขียวมีวิตามิน และแร่ธาตุ ที่สำคัญมากมาย เช่น วิตามิน A, C, K และ Folate นอกจากนี้ ยังมีแคลเซียม แมกนีเซียม และโพแทสเซียม ซึ่งเป็นสารอาหาร ที่จำเป็น สำหรับการทำงาน ของร่างกาย
  • ช่วยในการย่อยอาหาร ผักสีเขียวมีไฟเบอร์สูง ซึ่งช่วยในการย่อยอาหาร และป้องกันปัญหา ทางเดินอาหารเช่น ท้องผูก และลำไส้แปรปรวน
  • เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน วิตามิน C ที่พบในผักสีเขียวเช่น บรอกโคลี และผักโขม มีบทบาทสำคัญ ในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยป้องกัน โรคติดเชื้อต่างๆ
  • ป้องกันโรคเรื้อรัง การบริโภคผักสีเขียว อย่างสม่ำเสมอ สามารถลดความเสี่ยง ของการเกิดโรคเรื้อรังต่างๆเช่น โรคหัวใจ เบาหวาน และมะเร็งบางชนิด สารต้านอนุมูลอิสระ ในผักสีเขียว ช่วยในการปกป้องเซลล์ จากความเสียหาย
  • บำรุงสายตา ผักสีเขียวเช่น ผักคะน้า และผักโขม มีสาร Lutein และ Zeaxanthin ที่มีประโยชน์ ในการบำรุงสายตา และป้องกันโรคเกี่ยวกับตา เช่น ต้อกระจก และจอตาเสื่อม

ที่มา: 7 ผักใบเขียว กินดีมีประโยชน์ [1]

 

ผักสีเขียว ชนิดต่างๆ สารอาหาร และคลอโรฟิลล์

ผักสีเขียว
  • ผักโขมวิตามินเคสูง 482.9 ไมโครกรัม มีวิตามิน A สูงถึง 9377 IU และวิตามิน C 28.1 มก. นอกจากนี้ยังมีแคลเซียม 99 มก. ธาตุเหล็ก 2.71 มก. แมกนีเซียม 79 มก. และโพแทสเซียม 558 มก. รวมถึงมีคลอโรฟิลล์ ประมาณ 24.0 มก. ต่อ 100 กรัม
  • คะน้าวิตามินเอสูง มากถึง 13621 IU วิตามิน C 120.0 มก. วิตามิน K 817.0 ไมโครกรัม แคลเซียม 150 มก. ธาตุเหล็ก 1.70 มก. แมกนีเซียม 47 มก. และโพแทสเซียม 491 มก. โดยมีคลอโรฟิลล์ประมาณ 23.0 มก. ต่อ 100 กรัม
  • ผักกาดหอมมีวิตามินเค 126.3 ไมโครกรัมและวิตามิน A 7405 IU และวิตามิน C 9.2 มก. แคลเซียม 33 มก. ธาตุเหล็ก 0.97 มก. แมกนีเซียม 13 มก. โพแทสเซียม 194 มก. และคลอโรฟิลล์ ประมาณ 9.2 มก. ต่อ 100 กรัม
  • พาร์สลีย์วิตามินเอสูง 8424 IU วิตามิน C สูงถึง 133.0 มก. วิตามิน K 1640.0 ไมโครกรัม แคลเซียม 138 มก. ธาตุเหล็ก 6.20 มก. แมกนีเซียม 50 มก. โพแทสเซียม 554 มก. และมีคลอโรฟิลล์สูงสุด ประมาณ 29.4 มก. ต่อ 100 กรัม

ผักสีเขียว เหล่านี้ เป็นแหล่งของสารอาหารที่สำคัญ และคลอโรฟิลล์ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ การบริโภคผักเหล่านี้เป็นประจำ จะช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่จำเป็น และช่วยเสริมสร้างสุขภาพโดยรวม ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ผักสีเขียว และคลอโรฟิลล์ (Chlorophyll) คืออะไร

คลอโรฟิลล์คือสารประกอบ ที่ให้สีเขียวกับพืช เป็นโมเลกุล ที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง ในการสังเคราะห์แสง ซึ่งเป็นกระบวนการ ที่พืชใช้ในการเปลี่ยนแสงอาทิตย์ เป็นพลังงานเคมี เพื่อผลิตอาหารจากคาร์บอนไดออกไซด์ และน้ำ คลอโรฟิลล์มีบทบาท ในการดูดซับแสง ที่ใช้ในการกระตุ้น กระบวนการสังเคราะห์แสง ทำให้พืช สามารถเจริญเติบโต และผลิตออกซิเจนที่จำเป็น สำหรับสิ่งมีชีวิตอื่นๆ

ผักสีเขียว และประโยชน์ของ Chlorophyll

  • ดีต่อการล้างสารพิษ: คลอโรฟิลล์มีคุณสมบัติ ช่วยในการขับสารพิษ ออกจากร่างกาย โดยช่วยในกระบวนการ ล้างพิษของตับ และลดสารพิษในเลือด
  • ช่วยบำรุงเลือด: คลอโรฟิลล์มีโครงสร้างทางเคมี ที่คล้ายคลึงกับเฮโมโกลบิน ในเลือดมนุษย์ ทำให้มันมีคุณสมบัติ ช่วยเสริมสร้าง และเพิ่มปริมาณเลือด
  • ช่วยลดกลิ่นปาก และกลิ่นตัว: คลอโรฟิลล์มีคุณสมบัติ ช่วยลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ โดยทำหน้าที่เป็นสารดับกลิ่น ตามธรรมชาติ
  • เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน: คลอโรฟิลล์มีสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยเสริมสร้าง ระบบภูมิคุ้มกัน และลดการอักเสบ ในร่างกาย

ที่มา: Liquid Chlorophyll Health Benefits [2]

ผักสีเขียว และปริมาณคลอโรฟิลล์ที่แนะนำ

การบริโภคคลอโรฟิลล์ เป็นอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในรูปแบบของน้ำคลอโรฟิลล์ สารสกัดคลอโรฟิลล์ และอาหารเสริมอื่นๆ ปริมาณการบริโภคที่แนะนำ อาจแตกต่างกันไปตาม แต่ละบุคคลและผลิตภัณฑ์ที่ใช้ ดังนี้

  • น้ำคลอโรฟิลล์ สำหรับน้ำคลอโรฟิลล์ ที่จำหน่ายในท้องตลาด ปริมาณการบริโภคทั่วไป อยู่ที่ประมาณ 100-300 มิลลิกรัมต่อวัน ขึ้นอยู่กับความเข้มข้น ของผลิตภัณฑ์
  • ส่วนแคปซูล หรือเม็ดคลอโรฟิลล์ ปริมาณที่แนะนำทั่วไป อยู่ที่ประมาณ 100-300 มิลลิกรัมต่อวัน แต่ควรปฏิบัติ ตามคำแนะนำ บนฉลากผลิตภัณฑ์ [3]

ผักสีเขียว ข้อควรระวังการทานคลอโรฟิลล์

  • ปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ผลิต: ควรอ่าน และปฏิบัติตามคำแนะนำ บนฉลากผลิตภัณฑ์ อย่างเคร่งครัด เนื่องจากปริมาณการบริโภคที่แนะนำ อาจแตกต่างกันไป ตามผลิตภัณฑ์ แต่ละยี่ห้อ
  • ปรึกษาแพทย์: หากมีโรคประจำตัว หรือกำลังใช้ยาอื่นๆ ควรปรึกษาแพทย์ ก่อนเริ่มบริโภคคลอโรฟิลล์ เป็นอาหารเสริม
  • เริ่มจากปริมาณน้อย: สำหรับผู้ที่เริ่มบริโภคคลอโรฟิลล์ เป็นครั้งแรก ควรเริ่มจากปริมาณน้อยๆ และค่อยๆ เพิ่มขึ้น เพื่อตรวจสอบ การตอบสนองของร่างกาย

สรุป ผักสีเขียว บริโภคประจำ วิธีที่ดีในการดูแลสุขภาพ

 การบริโภคผักสีเขียว อย่างสม่ำเสมอ เป็นวิธีที่ดี ในการดูแลสุขภาพร่างกาย เนื่องจากผักสีเขียว เป็นแหล่งของสารอาหารที่สำคัญ และมีประโยชน์ต่อการทำงาน ของระบบต่างๆ ในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นการย่อยอาหาร เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ป้องกันโรคเรื้อรัง และบำรุงสายตา

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง

243