ผลไม้ อาหารสุขภาพ จากธรรมชาติ

ผลไม้

ผลไม้ เป็นอาหารที่มีความสำคัญ และเป็นที่นิยม ในชีวิตประจำวัน ด้วยรสชาติที่อร่อย และมีประโยชน์ต่อสุขภาพ ผลไม้เต็มไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และไฟเบอร์ บทความนี้จะพาไปสำรวจเกี่ยวกับผลไม้ ในแง่มุมต่างๆ ทั้งประเภทของผลไม้ ประโยชน์ต่อสุขภาพ และวิธีการบริโภคอย่างเหมาะสม

ผลไม้ การแบ่งประเภท ผลไม้สดแห้ง และแปรรูป

ผลไม้ สามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภท ตามลักษณะและรสชาติของมัน โดยประเภทที่พบได้บ่อยมีดังนี้

  • ผลไม้สด: เป็นผลไม้ที่สามารถบริโภคได้ทันที หลังจากการเก็บเกี่ยว เช่น แอปเปิล กล้วย ส้ม มะละกอ และมะม่วง
  • ผลไม้แห้ง: เป็นผลไม้ที่ผ่านกระบวนการทำแห้ง เช่น ลูกเกด ลูกพรุน และ Apricot อบแห้ง
  • ผลไม้แปรรูป: เป็นผลไม้ที่ผ่านกระบวนการแปรรูป เพื่อเพิ่มความสะดวกในการบริโภค เช่น น้ำผลไม้ แยม และผลไม้กระป๋อง

ผลไม้ประโยชน์ต่อสุขภาพ วิตามิน ไฟเบอร์

ผลไม้มีประโยชน์มากมายต่อสุขภาพ เนื่องจากเป็นแหล่งรวมของสารอาหารที่สำคัญ ดังนี้

  • วิตามินซี: พบมากในผลไม้ตระกูล Orange, strawberry และ kiwi วิตามินซีช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน และป้องกันโรคหวัด
  • ไฟเบอร์: พบมากใน Apple, pear และ raspberry ไฟเบอร์ช่วยในการย่อยอาหาร และป้องกันปัญหาท้องผูก
  • Antioxidant: พบมากในผลไม้สีเข้ม เช่น Blueberry และ Cherry Antioxidant ช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจ และชะลอความแก่

ผลไม้วิธีการบริโภค และข้อแนะนำอื่นๆ

การบริโภคผลไม้ให้ได้รับประโยชน์สูงสุด ควรคำนึงถึงปริมาณ และวิธีการบริโภค โดยมีข้อแนะนำดังนี้

  • กินผลไม้หลากหลาย: ควรกินผลไม้หลายชนิด เพื่อให้ได้รับสารอาหารที่หลากหลาย
  • กินผลไม้สด: ผลไม้สดมีสารอาหาร มากกว่าผลไม้แปรรูป ควรกินผลไม้สดเป็นประจำ
  • กินผลไม้เป็นส่วนหนึ่งของมื้ออาหาร: ควรกินผลไม้เป็นของว่าง หรือเป็นส่วนหนึ่ง ของมื้ออาหารหลัก

ผลไม้ ปริมาณการทานที่แนะนำ สำหรับคนในแต่วัย

  • เด็กอายุ 2-3 ปี: ควรทานผลไม้ประมาณ 1 ถ้วยต่อ 1 วัน
  • เด็กอายุ 4-8 ปี: ควรทานผลไม้ประมาณ 1 ถึง 1 ถ้วยครึ่งต่อ 1 วัน
  • เด็กอายุ 9-13 ปี: ควรทานผลไม้ประมาณ 1 ถ้วยครึ่งถึง 2 ถ้วยใน 1 วัน
  • เยาวชนอายุ 14-18 ปี: ควรทานผลไม้ประมาณ ประมาณ 1 ถ้วยครึ่งถึง 2 ถ้วยใน 1 วัน
  • ผู้ใหญ่อายุ 19-30 ปี: ควรทานผลไม้ประมาณ 2 ถึง 2 ถ้วยครึ่งต่อวัน
  • ผู้ใหญ่อายุ 31-50 ปี: ควรทานผลไม้ประมาณ 1 ถ้วยครึ่งถึง 2 ถ้วยในหนึ่งวัน
  • ผู้ใหญ่อายุ 51 ปีขึ้นไป: ควรทานผลไม้ประมาณ 1 ถ้วยครึ่งถึง 2 ถ้วยต่อวัน ถ้วยต่อวัน

การบริโภคผลไม้ที่เหมาะสม สามารถช่วยให้ร่างกายได้รับวิตามิน และเกลือแร่ที่จำเป็น และยังช่วยในการป้องกันโรคต่างๆอีกด้วย [1]

ผลไม้ ปริมาณวิตามินแต่ละชนิด ที่ควรได้รับในแต่ละวัน

ปริมาณวิตามินและแร่ธาตุที่แนะนำให้ได้รับในแต่ละวันสำหรับผู้ใหญ่มีดังนี้

  • วิตามิน A: ผู้ชายอายุ 14 ปีขึ้นไปควรได้รับประมาณ 900 ไมโครกรัม (mcg) ต่อวัน และผู้หญิงอายุ 14 ปีขึ้นไปควรได้รับประมาณ 700 mcg ต่อ 1 วัน
  • วิตามิน C: ผู้ใหญ่ควรได้รับประมาณ 65 ถึง 90 มิลลิกรัม (mg) ต่อ 1 วัน และขีดจำกัดสูงสุดที่ปลอดภัยคือ 2,000 mg ต่อหนึ่งวัน
  • วิตามิน D: ผู้ใหญ่ควรได้รับประมาณ 600 ถึง 800 หน่วยสากล (IU) ต่อหนึ่งวัน  หรือ 15 ถึง 20 mcg ใน 1 วัน
  • วิตามิน E: ผู้ใหญ่ควรได้รับประมาณ 15 mg ใน 1 วัน หรือประมาณ 22.4 IU
  • วิตามิน K: ผู้ชายควรได้รับประมาณ 120 mcg ต่อวัน และผู้หญิงควรได้รับประมาณ 90 mcg ในหนึ่งวัน
    แคลเซียม: ผู้ใหญ่ควรได้รับประมาณ 1,000 ถึง 1,300 mg ต่อวัน
  • เหล็ก: ผู้ชายควรได้รับประมาณ 8 mg ต่อวัน และผู้หญิงควรได้รับประมาณ 18 mg ในหนึ่งวัน

ที่มา: Vitamins and Minerals [2]

ผลไม้ ควรทานช่วงเวลาไหน และไม่ควรทานเวลาไหน

การทานผลไม้ในช่วงเวลาที่เหมาะสม สามารถช่วยให้ร่างกาย ได้รับประโยชน์สูงสุดจากผลไม้ ควรทานเป็นอาหารว่าง ระหว่างมื้ออาหารหลัก เพื่อช่วยในการย่อย และการดูดซึมสารอาหาร นอกจากนี้ การทานผลไม้ในช่วงเช้า ก็เป็นช่วงเวลาที่ดี เพราะร่างกายสามารถดูดซึมวิตามินและเกลือแร่ได้ดี ในช่วงเวลานี้

อย่างไรก็ตาม ควรหลีกเลี่ยงการทานผลไม้ทันที หลังจากมื้ออาหารหลัก เพราะอาจทำให้ท้องอืดได้ นอกจากนี้ การทานผลไม้ก่อนนอน ก็ไม่แนะนำ เนื่องจากอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น และอาจส่งผลต่อการนอนหลับ

สำหรับผลไม้บางชนิด ผลไม้หน้าร้อน เช่น มะม่วง หรือผลไม้ที่มีรสหวานจัด ผลไม้น้ำตาลสูง ควรทานในช่วงเช้าหรือก่อนเวลา 16.00 น. เพื่อให้ร่างกาย มีเวลาเผาผลาญน้ำตาลที่ได้รับ และควรหลีกเลี่ยงการทานผลไม้ ที่มีรสเปรี้ยวจัดในช่วงเย็น หรือก่อนนอน เพราะอาจกระตุ้นกรดในกระเพาะอาหารได้ [3]

สรุป ผลไม้ มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ควรบริโภคเป็นประจำ

ผลไม้

ผลไม้เป็นอาหารที่มีประโยชน์มากมายต่อสุขภาพ ควรบริโภคผลไม้เป็นประจำ และหลากหลายชนิด เพื่อให้ได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน การเลือกบริโภคผลไม้สด และในปริมาณที่เหมาะสม จะช่วยเสริมสร้างสุขภาพที่ดีให้กับร่างกาย

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง

488